อุทัยธานี ถิ่นนี้สงบงาม
เรื่องและภาพโดย ทีมงาน Vacationist
ใครได้ไปจังหวัดอุทัยธานีแล้วไม่หลงรักคงเป็นคนที่ใจแข็งมากๆ ด้วยวิถีชีวิตผู้คนที่ไม่เร่งรีบ ทั้งธรรมชาติและวัดวาอารามที่สวยงาม สายน้ำของแม่น้ำสะแกกรังที่เปรียบดังเส้นเลือดหล่อเลี้ยงให้วิถีชีวิตผู้คนยังดำเนินต่อไปท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง แต่อุทัยธานียังคงไม่เปลี่ยนไป
อุทัยธานีเป็นจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง มีประวัติความเป็นมายาวนาน ทั้งยังเป็นเมืองพระชนกจักรี และมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เคารพศรัทธาของผู้คนจากทั่วประเทศ พร้อมถือโอกาสล่องแม่น้ำสะแกกรัง ดูวิถีชีวิตเรือนแพที่ผู้คนยังใช้ชีวิตบนเรือนแพผูกโยงกับสายน้ำ ผูกพันกับสายธารแห่งนี้
วัดถ้ำเขาวง ธรรมสถาน
วัดถ้ำเขาวง คือ ธรรมสถาน เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมตั้งอยู่บนเชิงเขาวง ในท้องที่อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี
ธรรมสถานถ้ำเขาวง เป็นสาขาที่ 13 ของวัดสังฆทาน จังหวัดนนทบุรี จากทั้งหมด 19 สาขา อาทิ เชียงใหม่ อุ้มผาง อังกฤษ อินเดีย เป็นต้น
ธรรมสถานถ้ำเขาวงสร้างเมื่อปี พ.ศ.2530 มีพื้นที่ทั้งหมด 200 ไร่ พื้นที่โดยรอบเป็นภูเขาและป่าไม้ ธรรมสถานถ้ำเขาวง คือ ศาลาอเนกประสงค์ สร้างแบบสถาปัตยกรรมไทย เป็นเรือนทรงไทย 4 ชั้น
ตั้งอยู่ริมเชิงผาสูง สร้างด้วยไม้สัก และไม้มะค่า รวมทั้งไม้เก่าจากเรือนไทยที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดอ่างทอง
หลังคานำมาจากจังหวัดลำพูน ช่างที่เข้าตัวเรือน รวมทั้งทำส่วนตัวเหงาปั้นลม และจั่ว มาจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ใต้ถุนเป็นลานอเนกประสงค์ รวมทั้งร้านขายของ
ชั้นที่ 2 เป็นวิหาร ชั้นที่ 3 เป็นกุฏิ ส่วนโบสถ์จะอยู่ชั้นที่ 4 ด้านหน้ามีสระน้ำขนาดใหญ่มีสะพานไม้ยาวพาดผ่านและสวนตกแต่งด้วยหินไม้ดัดและไม้ประดับ
ด้านหลังเป็นเขาหินปูนสูงตระหง่าน มีถ้ำอยู่ 7 – 8 ถ้ำ บางถ้ำสามารถเข้าไปเที่ยวได้ ถือได้ว่าเป็นการจัดภูมิทัศน์ภายในวัดที่สวยงามมากแห่งหนึ่ง
เพื่อต้องการให้เห็นคุณค่าทางธรรมชาติ ธรรมสถานถ้ำเขาวง จะจัดให้มีการฝึกอบรมธรรมะฝึกสมาธิให้กับผู้มีจิตศรัทธาเดือนละครั้ง
น้ำพุร้อนสมอทอง
น้ำพุร้อนสมอทอง ตั้งอยู่ที่ หมู่ 2 บ้านสมอทอง ตำบลทองหลาง อำเภอห้วยคต อยู่ในโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยขุนแก้ว
สร้างขึ้นเมื่อ ปี 2540 เป็นน้ำพุร้อนธรรมชาติขนาดเล็กที่ผุดขึ้นมาผิวดิน เป็นน้ำใสและมีกลิ่นกำมะถัน
ความร้อนของน้ำพุมีความร้อนขนาดต้มไข่สุกภายใน 5 นาที ไหลผ่านช่องเขาไปรวมกับน้ำในลำห้วยคอกควาย
ปัจจุบันได้รับการปรับปรุงบริเวณน้ำพุให้เป็นบ่อน้ำร้อนที่ใช้เป็นสถานที่พักร้อนแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว
โดยมีทั้งสระน้ำแร่ให้ลงอาบน้ำเสียค่าบริการเพียงเล็กน้อย หรือจะแช่เท้าที่อ่างแช่น้ำให้เกิดความสบายผ่อนคลายก็ย่อมได้
นอกจากนี้มีบริการนวดเพื่อสุขภาพให้กับนักท่องเที่ยวอีกด้วย
เมื่อวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2552 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เคยเสด็จฯ มา ณ แหล่งท่องเที่ยวน้ำพุร้อนบ้านสมอทองแห่งนี้
วัดจันทาราม หรือวัดท่าซุง
วัดที่มีชื่อเสียงและงดงามของเมืองอุทัยธานี เป็นวัดเก่าแก่สร้างตั้งแต่สมัยอยุธยา
โดยหลวงพ่อใหญ่องค์แรก เป็นผู้สร้างแต่วัดเริ่มพัฒนาและเป็นที่รู้จักเมื่อพระราชมหาวีระ ถาวาโร (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
วัดแห่งนี้เป็นที่เลื่องชื่อในด้านความงดงาม ก่อนถึงประตูเข้าวิหาร 100 เมตร ที่เลื่องชื่อ
จะมีพระบรมรูปรัชกาลที่ 1 รัชกาลที่ 5 รัชกาลที่ 6 และ รัชกาลที่ 7 ปั้นด้วยปูน ปิดทองคำเปลวทั้งองค์และยังมีป้ายและพระบรมฉายาลักษณ์จารึกพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9
ส่วนภายในบริเวณ “วิหารแก้ว 100 เมตร” วิหารสำคัญที่หลวงพ่อฤๅษีลิงดำสร้างไว้ก่อนมรณภาพรวมทั้งยังเป็นที่รักษาสังขารร่างของหลวงพ่อที่ไม่เน่าเปื่อยในโลงแก้ว
ภายในตกแต่งด้วยโมเสกสีขาวใสทั้งวิหาร ทำให้ดูเหมือนแก้วแวววับจับตา วิจิตรงดงามยิ่งนัก
นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปจำลองพระพุทธชินราชซึ่งเป็นพระประธานในวิหารอีกด้วย วิหารแก้วจะเปิดให้ชมตั้งแต่เวลา 9.00 – 11.45 น. และ 14.00 – 16.00 น.
อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจคือ “ปราสาททองคำ (กาญจนาภิเษก)” สร้างเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ในวาระที่พระองค์เสวยราชย์เป็นปีที่ 50
และทางสำนักพระราชวัง ได้ให้ชื่อปราสาททองคำใหม่ว่า “ปราสาททองกาญจนาภิเษก” สร้างด้วยการก่ออิฐฉาบปูน ประดับลวดลายไทยปิดทองคำเปลว ติดกระจกอย่างประณีตงดงาม
หุบป่าตาด
หนึ่งในสถานที่ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น Unseen Thailand ที่นักท่องเที่ยวควรแวะไปสักครั้งกับสถานที่ที่เต็มไปด้วยความพิศวงทางธรรมชาติอย่าง หุบป่าตาด
จากการค้นพบโดยพระครูสันติธรรมโกศล (หลวงพ่อทองหยด) เจ้าอาวาสวัดถ้ำทอง เมื่อปี พ.ศ. 2522 ต่อมา กรมป่าไม้ (กรมอุทยานแห่งชาติในปัจจุบัน) ได้ประกาศให้ที่นี่เป็นพื้นที่อนุรักษ์ที่มีค่ายิ่งต่อจังหวัดอุทัยธานี รวมทั้งประเทศไทย
ด้วยสภาพภูมิศาสตร์ที่แปลกตา พร้อมทั้งมีพรรณไม้หายากมากมาย ปัจจุบันหุบป่าตาดอยู่ในความดูแลของเขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำประทุน
การเดินทางไปยังหุบป่าตาด ต้องผ่านทางเดินของโถงถ้ำที่มืดสนิท นักท่องเที่ยวต้องพึ่งแสงจากไฟฉายฝ่าความมืดเข้าไปภายในถ้ำหินย้อย
เพื่อมุ่งไปสู่ปลายทางของถ้ำอีกฝั่ง ที่จะเผยให้เห็นความมหัศจรรย์ของป่าตาด ป่าดงดิบขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยต้นตาดมากมายซ่อนตัวอยู่ (ต้นตาดคือต้นไม้โบราณสายพันธุ์เดียวกับปาล์ม)
และยังพบพรรณไม้หายากอีกหลายชนิด เช่น ยมหิน ต้นกะพง และต้นไทรรูปทรงแปลกตา
ที่สำคัญจะเจอกิ้งกือมังกรสีชมพู (Shocking Pink Millipede) ซึ่งพบที่ประเทศไทยแห่งเดียวในโลกเท่านั้น
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการมาเที่ยวหุบป่าตาดคือช่วง 11.00 – 13.00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่แสงจะส่องลงมายังหุบป่าตาดมากที่สุด
ทำให้เห็นประกายของหินแวววับในโพรงถ้ำสวยงามมาก และหุบป่าตาดจะปิดไม่ให้เข้าหลังเวลา 16.00 น. ระยะทางเดินไป – กลับ 700 เมตร ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
เขาสะแกกรัง
ถ้าคุณต้องการมองเห็นเมืองอุทัยธานีในมุมสูง แนะนำให้ไปที่ เขาสะแกกรัง เป็นภูเขาที่กั้นระหว่างตัวเมืองอุทัยธานีกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง เดิมเรียกว่าเขาแก้ว
ด้านบนของเขาสะแกกรังเป็นที่ตั้งของวัดสังกัสรัตนคีรี เป็นวัดเก่าแก่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2443
ภายในวัดประดิษฐานพระพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์ พระพุทธรูปปางมารวิชัย ซึ่งเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของเมืองอุทัยธานีปัจจุบันประดิษฐานอยู่ในวิหารหลังใหม่ฝั่งตรงข้ามบันไดทางขึ้นยอดเขาสะแกกรัง
นอกจากนั้นยังมีมณฑปประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง ซึ่งย้ายมาจากวัดจันทาราม ใกล้กันเป็นพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก แห่งรัชกาลที่ 1 เป็นรูปหล่อขนาดสองเท่าขององค์จริงประทับนั่งบนแท่น
ทุกวันที่ 6 เมษายนของทุกปี จะมีพิธีถวายสักการะพระพระบรมราชานุสาวรีย์แห่งนี้ โดยช่วงเวลานั้นดอกสุพรรณิการ์ หรือฝ้ายคำ ดอกไม้ประจำจังหวัดอุทัยธานี ก็จะบานสะพรั่งอยู่ทั่วบริเวณเขาสะแกกรังเลยทีเดียว
การขึ้นยอดเขาสะแกกรังสามารถไปได้ทั้งทางรถยนต์ หรือเดินขึ้นบันได 449 ขั้นตัดตรงขึ้น สู่ยอดเขาสะแกกรัง นอกจากพิธีถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 1 แล้ว ในวันแรม 1 ค่ำเดือน 11 (ตุลาคม) ของทุกปี ชาวอุทัยธานีจะจัดงานประเพณี ตักบาตรเทโวเป็นประจำอีกด้วย
ศูนย์ผ้าทอลายโบราณบ้านผาทั่ง
ศูนย์ทอผ้าโบราณบ้านผาทั่ง เกิดจากการรวมตัวของผู้คนในชุมชนบ้านผาทั่งตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 และในปี 2545 ก็จัดตั้ง “ศูนย์ผ้าทอลายโบราณบ้านผาทั่ง” ขึ้นมา
โดยรวบรวมเอาผ้าทอ ซึ่งเป็นผลงานของชาวบ้านมาจัดจำหน่าย
ผ้าทอเหล่านี้มีความเป็นเอกลักษณ์ของผ้าทอโบราณ ที่ได้จากการนำเอาภูมิปัญญาและวัฒนธรรมการทอผ้ามาจากบรรพบุรุษชาวลาวเวียง ที่อพยพมาอยู่ที่บ้านผาทั่งเมื่อหลายร้อยปีก่อนมา
ซึ่งผ้าทอโบราณของที่นี่ยังคงอนุรักษ์ความเก่าแก่ตามแบบต้นฉบับได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์
ทั้งความละเอียดอ่อนของลายผ้า สีสัน ซึ่งย้อมด้วยวัสดุธรรมชาติ ทำให้ผ้ามีเอกลักษณ์แตกต่างจากผ้าที่ผลิตจากแหล่งอื่นๆ
ความสวยงามของผ้าทอที่นี่ได้รับรางวัลจากยูเนสโก (UNESCO) หรือ องค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ ที่ยกย่องให้ ผ้าทอลายโบราณของที่นี่เป็นที่ 1 ของโลก
ซึ่งชุดที่ได้รับการยกย่องคือ “ชุดเครื่องนอนก่อนวิวาห์” ที่มีความประณีตสวยงามอย่างมาก
สำหรับใครที่อยากได้ผ้าทอลายสวยๆ และของใช้อื่นๆ เช่น ผ้าพันคอ กระเป๋า กระโปรง ฯลฯ จากผ้าทอลายโบราณนี้ก็สามารถมาแวะได้ที่นี่เลย ไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน
ล่องแม่น้ำสะแกกรัง
สัมผัสวิถีชีวิตเรือนแพ ที่ผู้คนยังคงใช้ชีวิตอยู่บนเรือนแพ ดำรงชีวิตเป็นชาวแพอย่างไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนัก
เรือนแพแต่ละหลังมีเลขที่บ้านที่ถูกต้องจากทางราชการ ปัจจุบันไม่มีการอนุญาตออกทะเบียนเพิ่มเติม
การค้าขายริมน้ำ การเลี้ยงปลาในกระชัง โดยเฉพาะปลาแรดที่มีชื่อเสียงของเมืองอุทัยฯ นักท่องเที่ยวสามารถนั่งเรือชมวิถีชีวิตของชาวแพได้
และสามารถลงไปในแพที่เปิดเป็นร้านขายของเพื่อซื้อสินค้าของชาวแพ ทั้งปลาสด ปลาแห้ง โดยมีไกด์ของเรือนำเที่ยวคอยอธิบายวิถีชีวิต และความน่าสนใจ ความน่ารักที่คุณได้ฟังแล้วต้องหลงรักเมืองสงบงามนามว่าอุทัยธานีแห่งนี้แน่นอน
ขอขอบคุณ
– กองตลาดภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
– ททท.สำนักงานอุทัยธานี (พื้นที่รับผิดชอบ : อุทัยธานี, นครสวรรค์) ที่อยู่ : 28/5 ถ.รักการดี ต.อุทัยใหม่ อ.เมือง จ.อุทัยธานี 61000
โทรศัพท์ : 0 5651 4651-2 อีเมล : tatuthai@tat.or.th
เว็บไซต์ : www.tourismthailand.org/uthaithani