“สุขนิยมทัวร์” ท่องเที่ยวในตัวเอง ด้วยการท่องเที่ยวภายนอก
Story by Ruengrawee Bannaphiphop
การท่องเที่ยวที่เราคุ้นชินกันเป็นอย่างดีนั้น ก็คงหนีไม่พ้นการไปในที่ที่ใครๆ ก็บอกว่าสวย อาหารอร่อย ของถูก ที่พักเลิศ แล้วเมื่อเราไปยังสถานที่แห่งนั้น สิ่งที่เรามักจะทำกันก็คือ ล่าแลนด์มาร์คที่เขาบอกต่อๆ กันมาว่า ถ้ามาที่ประเทศนี้ต้องไปที่นั่นที่นี่ แล้วเราก็จะรีบๆ ไปให้มันครบ เพราะกลัวว่าเดี๋ยวจะพลาดอะไรไป มันเลยกลายเป็นการท่องเที่ยวแบบเน้น “ปริมาณ” แต่ไม่เน้น “คุณภาพ” เพียงวันสองวัน หลังจากที่เรากลับมาจากทริปนั้น เราอาจจะลืมไปแล้วก็ได้ว่ากลิ่นต้นไม้ ตรงนั้นเป็นอย่างไร บ้านเรือนที่เมืองนั้นสวยงามขนาดไหน
ซึ่งการท่องเที่ยวแบบนั้น ไม่ใช่แนวทางของ “สุขนิยมทัวร์” ทัวร์ที่จะพาคุณไปลงลึกถึงทุกอณูของที่ที่คุณไปแบบไม่เร่งรีบ และยิ่งเป็นการเดินทางที่ไปกับผู้นำทัวร์ที่จะช่วยให้คุณได้มองโลกในมุมใหม่ อย่าง “อ.วรภัทร์ ภู่เจริญ” ก็ยิ่งทำให้การท่องเที่ยวแบบ “สุขนิยมทัวร์” นั้นช่วยให้คุณได้อะไรกลับมามากกว่าแค่ถุงช้อปปิ้งกองโตและรูปถ่ายเต็มเฟซบุ๊ค
จุดเริ่มต้นการเดินทางของอาจารย์วรภัทร์กับ “สุขนิยมทัวร์”
มีโอกาสได้เจอคุณโอ (เจ้าของสุขนิยมทัวร์) แล้วอาจารย์เป็นคนชอบเที่ยวไง แต่ไม่ค่อยอยากเสียตังค์อ่ะนะ ทีนี้อาจารย์ก็จะดูว่าสิ่งที่เรารักสิ่งที่เราชอบ ถ้ามันทำเงินได้แล้วทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติได้ รวมกันเป็น 4 อย่าง “ที่รัก ที่ใช่ ที่ได้ตังค์ และได้ทำประโยชน์ให้กับคนอื่น” นั่นคือสิ่งที่อาจารย์จะเลือกทำ ซึ่ง 4 ตัวนี้รวมกันเรียกว่า “อิกิไก” (Ikigai) เป็นแนวคิดของญี่ปุ่นที่มีต้นกำเนิดมาจากโอกินาว่า ซึ่งคนเราถ้ามีสิ่งนี้ชีวิตมันจะมีความสุข ตื่นขึ้นมาจะอยากทำงาน เพราะเราทำสิ่งที่เรารัก สิ่งที่มันใช่ แล้วได้ตังค์ด้วย มันลงตัว
เที่ยวแบบอาจารย์ เที่ยวแบบสุขนิยมทัวร์ ต้องเที่ยวอย่างไร
ทัวร์โดยทั่วไปมันก็จะเป็นไปตามลูปเดิมๆ แบบชะโงกทัวร์ “ชิม ช้อป แชร์ ” ไปเที่ยวที่ไหนก็ไปเข้าห้องน้ำ ไปช้อปปิ้งแล้วก็แชร์รูปถ่าย ซึ่งถ้าทำแต่แบบนี้เท่ากับเราผลาญเงินไปกับการเที่ยวต่างประเทศโดยที่ไม่ได้อะไรกลับมาเลย แต่ทริปแบบอาจารย์กับสุขนิยมทัวร์ มันทำให้เกิดประโยชน์ 2 อย่างขึ้นมาได้ คือเกิดการเรียนรู้และได้เข้าใจธรรมะ คนที่ไปกับสุขนิยมทัวร์จะได้เปลี่ยนความคิด บางรายถึงกับเปลี่ยนชีวิตได้เลย อย่างผู้บริหารเวลาเขาอยู่เมืองไทยเขาไม่ค่อยเปิดตัวเอง แต่ภายใต้บรรยากาศที่สวยงาม ท่ามกลางผู้คนที่ไว้ใจได้ สมองเขาจะค่อยๆ เปิด ใจเขาจะค่อยๆ เปิด จังหวะนั้นเองอาจารย์ก็จะใช้เทคนิคของการเป็น “Facilitator” กระบวนกรหรือโค้ชเข้าไปรักษาเขา เยียวยาเขา ซึ่งหลังๆ มานี่ สุขนิยมทัวร์จะไปไหนก็ได้ทั้งนั้น เพราะประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่สถานที่ท่องเที่ยวแต่ประเด็นคือมันมีความสุขอ่ะ มีความสุขที่เขาได้เห็นตัวเอง ได้เห็นชีวิตของตัวเอง เขาจะเริ่ม “อิกิไก” ตามอาจารย์
การเลือกสถานที่ท่องเที่ยวแบบอาจารย์วรภัทร์ ต้องเลือกประเทศแบบไหน สถานที่แบบไหน
“คนเราท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ ทั่วโลก เพียงเพื่อเรียนรู้โลกภายในของตัวเอง” ก่อนไปเที่ยวก็จะมาคุยกันก่อน เพราะนี่เราไม่ได้ไปเที่ยวอย่างเดียวนะ แต่เราไปค้นหาตัวเอง เราไปเปิดหู เปิดตา และเปิดใจ มองโลกด้วยมุมมองด้านใหม่ ไม่ว่าจะร้ายหรือจะดี เพราะชีวิตคือชีวิต (อาจารย์ฮัมเพลง Live & Learn และเพลงเปิดใจ) คือเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวเนี่ยเราไม่ได้ซีเรียสอะไรมาก อย่างบางครั้งที่เลือกไปประเทศญี่ปุ่นเพราะอาจารย์สอนเซน เพราะฉะนั้นกลุ่มคนที่จะไปก็คือคนที่ตามอาจารย์ไปแสวงบุญ ตามอาจารย์ไปปฏิบัติธรรม เพราะอาจารย์ไม่ได้มองเรื่องการท่องเที่ยวอย่างเดียวนะ แต่อาจารย์มองคนที่เข้าใจวัฒนธรรมประเทศญี่ปุ่น
อย่างอาหารที่วางแต่ละจาน เช่น ปลาดิบมันจะต้องกินปลาสีอ่อนที่มีรสชาติอ่อนไปก่อน แล้วค่อยไปจบที่ปลาสีเข้มที่มีรสชาติชัดเจน อาหารมันไม่ได้อร่อยแค่ที่ลิ้น แต่มันคือ “อายตนะทั้ง 6” มันคือการใช้ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ การเคี้ยว ตาที่มองเห็นเป็นความรู้สึกทางกายใช่ไหม หูที่ได้ยินคำพูดที่ดีๆ เราคุยกันแต่เรื่องดีๆ เรื่องร้ายๆ เราไม่คุย ลิ้นก็ไม่ต้องปรุงแต่งอะไรมาก เราควรจะกินรสชาติแท้ๆ ของท้องถิ่นนั้นๆ เพราะคนไทยเนี่ยพกพาความอร่อยส่วนตัวไปด้วยทุกที่เลย ไปที่ไหนก็จะปรุงรสชาติอาหารให้เป็นแบบที่เราคุ้นชิน มันทำให้เรากลายเป็นคนหัวสี่เหลี่ยม เราปิดใจ เราไม่กล้าเปิดใจที่จะชิมรสชาติของคนชาตินั้นๆ คุณจะไม่ได้รสชาติแท้ๆ ของอาหารชาตินั้นๆ เลย “ถ้าเราใช้วิธีคิดเดิมๆ เราจะไม่เห็นตัวเอง แต่ถ้าเรากล้าเปิด กล้าลอง และไปกับคนที่ใช่ เราจะเห็นตัวเอง”
ไปกับอาจารย์ สัมผัสความสุขแบบอาจารย์ แบบสุขนิยมทัวร์ เป็นอย่างไร และทำอย่างไร
สิ่งที่อาจารย์ทำให้กับสุขนิยมทัวร์มันเรียกว่า “Group Psychologies” หรือ จิตวิทยากลุ่ม เพราะฉะนั้นคนที่เข้ามาแล้ววันแรกแล้วเขายังไม่เปิดใจ วันที่ 2 เขาจะค่อยๆ เปิดใจ มันคือเรื่องของ “คลื่นสมองอัลฟ่า” ซึ่งก็คือที่เที่ยวสวยงาม เห็นดอกซากุระบาน ซึ่งเมืองไทยก็มีที่สวยๆ เยอะ แต่เพราะเขาคุ้นชินกับบรรยากาศ ใจเขาเลยไม่เปิด แต่ในบรรยากาศที่มีแต่คนญี่ปุ่นหมดเลย กระเป๋าหล่นหรือลืมกระเป๋าก็ไม่ต้องกลัวหาย ไม่ต้องกลัวโดนโกง ทุกคนผ่อนคลายหมด เพราะเรามาประเทศที่ปลอดภัย ใจก็จะเปิด การไปประเทศอย่าง ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ ฮอลแลนด์ ธรรมชาติสวย สังคมปลอดภัย คลื่นสมองก็จะเป็นอัลฟ่า หรือกระทั่งคนในทริปก็จะต้องคัดคนที่คลื่นสมองอัลฟ่า ใครวีนๆ เหวี่ยงๆ มาก็จะไม่ค่อยมี คือมีได้แต่จะแค่คนสองคน ซึ่งพอมาแล้วเดี๋ยวคนที่เหลือเขาจะค่อยๆ ใช้พลังกลุ่มช่วยปรับคลื่นสมองให้เอง ให้เขาได้พูดความรู้สึกของเขา และเรารับฟัง รับรู้ เดี๋ยวเขาจะค่อยๆ เปิดใจ
หรือเวลาคุยกันในทริปซึ่งมันคนละสายอาชีพ คุยไปคุยมา มันไม่มีใครมีผลประโยชน์ให้กันเลย ก็จะเริ่มเปิดใจ บางรายก็พาลูกไปด้วย เพราะอยากเพิ่มสัมพันธภาพระหว่างเขากับลูก บางคนก็พาพ่อแม่มา มาปรับตัวเข้าหากัน มารับฟังกัน และทัวร์เราจะไม่เอาเปรียบใคร จะไม่มีแบบไปไหนฉันต้องได้นั่นนี่สิ มีแต่ฉันจะเอาๆ ซึ่งสุขนิยมทัวร์ไม่มีอะไรแบบนี้ เรามีแต่ เออ ก็แล้วแต่ มีความสุขง่ายๆ และเน้นเน้นศึกษาไปถึงกรอบวัฒนธรรม ไปถึงนวัตกรรม ไปถึงการบริหารและการปกครองในแต่ละประเทศที่เราไป เมื่อเห็นถึงความคิดที่แตกต่างกันทั่วโลก มันถึงจะกลับมาพัฒนาประเทศไทยได้
ปรัชญาของการใช้ชีวิตและการท่องเที่ยวแบบอาจารย์วรภัทร์คืออะไร
เราต้องให้เวลากับการเที่ยว เพราะการมาเที่ยวแบบอาจารรย์มันคือการมารักษาใจ แล้วสุขนิยมทัวร์เนี่ยจะเปลี่ยนแผนได้ตลอด ซึ่งมันก็ไม่ได้อะไร เปลี่ยนก็เปลี่ยน เมื่อก่อนเราจะมีจองร้านอาหารบางครั้งไปไม่ทันหรือต้องรีบเที่ยวๆ แล้วไปให้ทันที่จอง เลยบอกคุณโอให้เปลี่ยนวิธีคิดใหม่ แจกเงินไปเลย แล้วก็ให้ลูกทัวร์ไปหาอะไรกินกันเองบ้างตามอัธยาศัย เพราะเวลาไปเที่ยวที่หนึ่งก็ควรดื่มด่ำกับบรรยากาศ ไปเรียนรู้รายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ ของสถานที่ ฉะนั้นทัวร์สุขนิยมมันจะเป็นแบบสโลว์ไลฟ์ ทำไมต้องไปหลายๆ ที่พร้อมกัน ทำไมไม่ไปทีละที่ วันหลังมีตังค์ค่อยไปที่อื่นอีก บางสถานที่อาจารย์ก็นั่งลงวาดรูป บางคนก็วาดตาม บางที่ก็ไปนั่งสมาธิกัน หรือไปคุยกับคนในท้องถิ่นนั้นๆ ไปเรียนรู้วิธีคิดของเขา เราไปดู Process มากกว่า ดู Result เป็นทัวร์ที่เราได้เรียนรู้และเติบโตไปด้วยกัน
– อาจารย์วรภัทร์ ภู่เจริญ จบการศึกษาระดับปริญญาตรี ด้านเคมีเทคนิค จากคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, จบการศึกษาระดับปริญญาโท ทางด้านวิศวกรรมวัสดุศาสตร์ จาก Youngstown State University, U.S.A. และจบการศึกษาระดับปริญญาเอก ด้านเครื่องกลและวัสดุศาสตร์ Cleveland State University, U.S.A.
– อาจารย์วรภัทร์เคยเป็นผู้ช่วยสอนที่มหาวิทยาลัย Youngstown State University และเป็นนักวิจัยองค์กรอวกาศ NASA ประเทศสหรัฐอเมริกา รวมทั้งยังเป็นอาจารย์ประจำ ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
– และอาจารย์ยังดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาให้กับองค์กรทั้งเล็กและใหญ่อีกหลายองค์กร ซึ่งมีทั้ง เอกชน ราชการ และรัฐวิสาหกิจ อาทิ เครือ ซิเมนต์ไทย (SCG), บริษัท ซันฟู้ด อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด, บริษัท ผลิตภัณฑ์ 3 เค จำกัด, บริษัท ซันฟีด จำกัด, บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน), โรงพยาบาลกรุงเทพ, บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), กระทรวงแรงงาน ฯลฯ
– นอกเหนือจากนี้อาจารย์วรภัทร์ยังมีผลงานเขียนอีกมากมาย ทั้งงานแปลและงานที่เขียนเอง รวมทั้งยังเป็นวิทยากรรับเชิญให้กับมหาวิทยาลัยและสถาบันต่างๆ อีกด้วย และเนื่องจากอาจารย์เป็นผู้ที่สนใจศึกษาธรรมะมาโดยตลอด จึงมีงานอดิเรกเป็นการอบรมกรรมฐาน และเป็นไลฟ์โค้ชให้แก่ผู้ที่สนใจอีกด้วย
ต้องการซื้อเล่มเดือนนี้ย้อนหลัง คลิกที่รูปปกนิตยสารได้เลย