สวัสดี เซนได ไปกับการบินไทย

Story by Editorial Staff

ถ้าพูดถึงเมืองเซนได (Sendai) แล้ว ช่วงนี้หลายคนก็อาจจะคุ้นหูกันอยู่บ้าง เพราะตั้งแต่ 29 ตุลาคมนี้ ทางสายการบินไทย จะเริ่มให้บริการเที่ยวบินบินตรงจากท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ประเทศไทย มุ่งหน้าสู่ท่าอากาศยานเซนได เมืองเซนไดซึ่งเป็นเมืองเอกของจังหวัดมิยางิ (Miyagi) และเป็นเมืองใหญ่สุดในภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku) เซนไดนั้นห่างจากโตเกียวประมาณ 350 กิโลเมตรหากนั่งรถไฟชินคังเซน (Shinkansen) ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ ถึง 2 ชั่วโมง (แล้วแต่ประเภทของรถ) ค่าโดยสารเป็น 10,000 เยน (แบบจองที่นั่ง)แต่ปัจจุบันอย่างที่กล่าวไปข้างต้น เราสามารถเดินทางด้วยสายการบินไทยในเที่ยวบินรอบดึก เวลา 23.59 น.เดินทางไปถึงเซนไดในเช้าวันใหม่ในเวลา 07.40 น. และเริ่มต้นเดินทางท่องเที่ยวได้เลย ถือได้ว่าเป็นการเดินทางที่สะดวกมากขึ้นทีเดียว

44430565 - hirose river

ตัวเมืองเซนไดตั้งอยู่ใจกลางของภูมิภาคโทโฮคุ ซึ่งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ป่นุ ที่นี่จัดได้ว่าเป็นเมืองที่เป็นศูนย์กลางทั้งทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่เมืองหนึ่ง ขณะเดียวกันนั้นก็มีความกลมกลืนกันระหว่างความเป็นเมืองใหญ่ที่มีธรรมชาติแทรกตัวอยู่ได้อย่างลงตัว มีแม่น้ำฮิโรเสะ (Hirose) ไหลผ่านตัวเมืองเซนไดเป็นระยะทาง 45 กิโลเมตรก่อนจะไหลรวมกับแม่นำนาโทริ (Natori River) บริเวณริมแม่นำมีต้นไม้ที่เขียวชอุ่มตลอดทางและในช่วงใบไม้ผลิ ริมแม่น้ำแห่งนี้ถือได้ว่าเป็นจุดที่มีทิวทัศน์ที่สวยงามในการชมดอกซากุระก็ว่าได้ และแม่น้ำนี้ได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในสายน้ำ 100 สายของประเทศที่อยู่ในสภาพดีและร่มรื่น ในช่วงเดือนตุลาคมของทุกปีปลาแซลมอนกว่า 5,000 ตัวจะว่ายทวนน้ำมาที่แม่น้ำแห่งนี้ ซึ่งปรากฏการณ์ที่มีปลาแซลมอนว่ายทวนน้ำมานั้นมีเพียงที่แม่น้ำฮิโรเสะนี้ที่เดียวเท่านั้น

Japanese elm tree-Zelkova at Jozenji Street, Sendai, Japan

เที่ยวท่องตัวเมืองเซนได

เซนไดถือได้ว่าเป็นเมืองเอกของจังหวัดมิยางิ และสถานที่ท่องเที่ยวแรกที่ทำให้เมืองเซนไดได้รับสมญานามว่าเป็น“เมืองแห่งแมกไม้” นั่นคือ ถนนโจเซ็นจิ โดริ (Jozenji-dori Avenue) ถนนสายช้อปปิ้งในตัวเมืองเซนได ตลอดแนวถนนโจเซ็นจิ โดริ จะมีต้นเคะยากิ (Keyaki) หรือต้นเซลโควา(Zelkova) เรียงรายอยู่สร้างความร่มรื่นไปตลอดแนวสองข้างทาง นอกจากถนนสายนี้จะเต็มไปด้วยร้านค้าร้านอาหารสำหรับเหล่านักช้อปแล้ว ตรงกลางของถนนสายนี้มีงานประติมากรรมของ Emilio Greco อย่างเช่นงานความทรงจำของฤดูร้อน, สาวน้อยอาบน้ำ อีกด้วย

23986336 - illuminations

ให้บรรยากาศราวกับเป็นแกลเลอรีกลางแจ้งท่ามกลางธรรมชาติในช่วงฤดูหนาวก็จะมีการจัดประดับไฟอย่างสวยงาม หรืออย่างบริเวณแม่น้ำฮิโรเสะ ที่ในฤดูใบไม้ผลิจะมีต้นซากุระมากมาย ส่วนในฤดูร้อนประมาณวันที่ 20 สิงหาคม ก็จะมีงานเทศกาลลอยกระทงเพื่อผู้ล่วงลับที่จากไปเพราะความอดอยากในสมัยเอโดะ ปัจจุบันผู้คนจะไปลอยกระทงเพื่อให้ประสบความสำเร็จในชีวติภายในงานมีการแสดงดอกไม้ไฟและดนตรีอีกด้วย เรียกได้ว่าไม่ว่าฤดูไหนก็มีงานให้ได้ร่วมสนุกตลอดทั้งปี สำหรับการเดินทางในเมืองเซนไดก็แสนจะง่ายดาย แม้จะไม่มีรถก็สามารถใช้บริการรถบัส Loople Sendai ได้ รถบัสคันนี้จะวิ่งไปตามสถานที่ท่องเที่ยวหลักของเมือง มีการจำหน่ายบัตร One-Day Loople Sendai Pass ราคาเพียง 620 เยน ก็สามารถขึ้นลงรถบัสแบบนี้ไปเที่ยวที่ต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นปราสาทเซนได หรือปราสาทอะโอบะ (Sendai Castle หรือ Aoba Castle) แปลว่าปราสาทใบไม้สีเขียว ปราสาทเก่าแก่บนเขาอะโอบะสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1600

62632575 - stone wall ruins of sendai castle

โดยท่านดาเตะ มาสะมุเนะ (Date Masamune) เจ้าผู้ครองเมืองเซนไดคนแรก ปราสาทแห่งนี้ล้อมรอบไปด้วยแม่น้ำ ภูเขาและป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ ในอดีตจุดนี้ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ดีเยี่ยมในการสร้างป้อมปราการป้องกันข้าศึกศัตรูแต่พอหลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง ตัวปราสาทและสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ภายในบริเวณกลับถูกทำลายอย่างย่อยยับ จนเหลือเพียงซากก้อนหินเป็นจุดๆ ซึ่งปัจจุบันในส่วนนี้จะเป็นลานกว้างที่มีการระบุจุดว่า หินแต่ละก้อนเคยเป็นจุดไหนของปราสาท ในบริเวณลานนี้เราจะเห็นอนุสาวรีย์ท่านดาเตะ มาสะมุเนะบนหลังม้ากำลังมองไปที่เมืองเซนได เพื่อระลึกถึงความยิ่งใหญ่ในอดีตของปราสาทนี้สำหรับท่านดาเตะ มาสะมุเนะ

19402573 - masamune

นอกจากท่านจะเป็นผู้ครองเมืองเซนไดคนแรกแล้ว ท่านยังเป็นคนที่มีความสนใจทางการทูตและเทคโนโลยีของชนชาติตะวันตกเป็นอย่างมากมีเรื่องเล่ากันว่าท่านเคยเขียนจดหมายถึงสมเด็จพระสันตะปาปาปอลที่ 5 เป็นภาษาละตินอีกด้วย ในช่วงพระอาทิตย์ใกล้จะตกดินบริเวณนี้จะถูกตกแต่งด้วยแสงไฟ ทำให้เกิดความงดงามเป็นอย่างมาก เป็นจุดท่องเที่ยวที่สามารถเข้ามาชมได้ทั้งช่วงกลางวันและกลางคืน เมื่อเดินผ่านเข้าไปด้านในก็จะพบกับตรอกพิพิธภัณฑ์ของปราสาทและร้านค้า ขายของฝาก

Sendai 42619338

ถัดเข้าไปจะเห็นศาลเจ้าโกโคขุ (Gokoku) ที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่ผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งที่ศาลเจ้ามีพิพิธภัณฑ์ที่เก็บข้าวของโบราณของปราสาทไว้ในโซนของพิพิธภัณฑ์เสียค่าเข้าชมอยู่ที่ 700 เยน สถานที่ท่องเที่ยวถัดไปที่อยากแนะนำ แต่อาจจะฟังแล้วแปลกหูไปสักนิด เพราะคือสุสานซุยโฮเด็ง (Zuihoden) เป็นสุสานของท่านดาเตะ มาสะมุเนะ นั่นเอง นอกจากนั้นบริเวณนี้ยังเป็นที่ตั้งของสุสาน ลูกชายท่านคือท่านดาเตะ ซึนามุเนะ ซึ่งเป็นผู้ครองเมืองในรุ่นที่ 2 เรียกว่า สุสานคังเซ็งเด็ง (Kansenden) และหลานชายท่าน ซึ่งเป็นทายาทผู้ครองเมืองรุ่นที่ 3 ท่านดาเตะ ทาดะทุเนะ เรียกว่าสุสานเซ็งโนะเด็ง (Zennoden) อีกด้วย

Sendai 85579833

ซึ่งตัวสุสานทั้ง 3 แห่งมีการสร้างอาคารครอบไว้ โดยตัวอาคารที่ครอบนั้นสร้างสวยงามตามแบบสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นที่เรียกว่า โมโมยามะ (Momoyama) คือลงรักปิดทอง และเน้นลายสีสันสดใสแต้มลงบนพื้นไม้สีดำเข้มอย่างประณีต วิจิตรตระการตา ใกล้กันมีพิพิธภัณฑ์จัดแสดงสมบัติที่ขุดพบในหลุมฝังศพ อาทิ หมวกกระบี่ เครื่องประดับ ฯลฯ ตัวสุสานตั้งอยู่บนเนินเขาเคียวงะมิเนะ (Kyogamine) ล้อมรอบไปด้วยต้นสนไม้ซีดาร์ให้ความรู้สึกและน่าเกรงขามไปในคราเดียวกัน ซึ่งถ้าเรามาโดยใช้บริการของรถบัส Loople Sendai Bus ให้ลงป้าย Zuihoden Mausoleum (ป้ายที่ 4) จากนั้นเดินขึ้นเนินไปยังสุสานอีก 150 เมตร เท่านั้น

Sendai 65333338

จากสุสานไปเที่ยวศาลเจ้ากันต่อ Loople Sendai Bus ไปได้เหมือนกันไปลงที่ป้ายหมายเลข 11 ก็จะถึง ศาลเจ้าโอซากิฮาจิมังกุ (Osaki Hachimangu Shrine) ศาลเจ้าแห่งนี้ ท่านดาเตะ มาสะมุเนะได้ให้สร้างขึ้นในปี 1607 เพื่อบูชาและขอพรให้เทพฮาจิมัง (Hachiman)ซึ่งเป็นเทพแห่งสงครามของชินโตและเป็นเทพแห่งการปกปักรักษาคุ้มครองชาวเมือง และเป็นเสมือนสถานที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของเหล่าทหารในขณะนั้น ตัวศาลเจ้ามีสถาปัตยกรรมแบบเดียวกันกับที่สุสานซุยโฮเด็ง นั่นคือ แบบโมโมยามะ อาคารไม้ชั้นเดียวนั้นทาด้วยสีดำ ลงรักปิดทองแล้ววาดสีสันสวยงามด้วยสีที่สดใสงดงาม ที่นี่เป็นศาลเจ้าที่ขึ้นชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ในการขอพรเรื่องชัยชนะและความร่ำรวย เป็นหนึ่งในงานเทศกาลยิ่งใหญ่ของศาลเจ้านี้คือ งานเทศกาลมัตสึทาคิ (Matsutaki Festival) หรือดอนโทไซ (Dontosai Festival) ซึ่งจะมีคนเข้ามาร่วมงานกว่า 1 แสนคนเป็นประจำทุกปี

Sendai 65333341

ไฮไลต์หลักของงานคือการกราบไหว้สักการะศาลเจ้าแบบกึ่งเปลือยเพื่อไปนมัสการเทพที่ศาลเจ้าเรียกว่า ฮาดากะไมริ (Hadakamairi) โดยผู้คนที่สวมชุดคลุมหรือฮัปปิสีขาว สวมผ้าคาดหัวสีขาว และคาบกระดาษไว้ในปาก ถือกระดิ่งด้วยมือขวาและถือโคมไฟกระดาษด้วยมือซ้าย เดินมุ่งหน้าไปยังกองเพลิงที่กำลังเผาโซกัสซึซาคาริง หรือของประดับตกแตง่ ช่วงปีใหม่ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะนำมาประดับตกแต่งตั้งแต่ก่อนวันสิ้นปี อธิษฐานขอให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงและมีอนาคตที่สุกใสรวมถึงความเจริญสู่ครอบครัวงานนี้จะจัดขึ้นประมาณวันที่ 14 มกราคมของทุกปี ถ้ามาศาลเจ้านี้ ป้ายรถบัสที่ใกล้ที่สุดคือ Osaki-Hachimangu Shrine

Akiu Waterfall, Akiu Otaki

อาบน้ำแร่ที่อาคิอุออนเซ็น (Akiu Onsen)

อาคิอุ ออนเซ็น ถือได้ว่าเป็นเมืองออนเซ็นที่มีชื่อเสียงของจังหวัดมิยางิ อยู่ชานเมืองเปรียบเสมือน “ห้องนั่งเล่นด้านหลังของเซนได” จากตัวเมืองเซนไดใช้เวลาเพียง 30-40 นาทีเท่านั้น ที่นี่มีบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติมากกว่า 15 แห่ง ล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติของภูเขา หุบเขา แม่น้ำ รวมไปถึงโตรกธาร ให้ความรู้สึกผ่อนคลายมากชนิดที่ว่าในช่วงฤดูใบไม้ผลิยังเต็มไปด้วยความเขียวชอุ่มของป่าไม้โดยรอบ คุณจะได้ยินเสียงน้ำไหลของแม่น้ำนาโตริ(Natori-Gawa) ขณะที่แช่ตัวอยู่ในน้ำเลย ส่วนฤดูใบไม้เปลี่ยนสีใบไม้ที่ค่อยๆ เปลี่ยนจากสีเหลืองทองเป็นสีแดงทั่วทั้งหุบเขา ยิ่งในยามฤดูหนาวขณะที่กำลังแช่น้ำแร่อยู่ก็จะได้ชมวิวอันสวยงามของยามหิมะตก น้ำแร่ของที่นี่มีความเป็นเกลืออ่อนๆ มีโซเดียม แคลเซียมดังนั้นจึงมีสรรพคุณในการรักษาโรคทางเส้นประสาท แผลหรืออาการที่ผิวหนัง อาการปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ และขจัดความเมื่อยล้าได้เป็นอย่างดี ทำให้ที่นี่มีชื่อเสียงมากว่า 1,500 ปี

Akiu Shrine at Akiu waterfall in Akiu Osen, Sendai, Japan

ที่เที่ยวหลักในโซนนี้ก็ได้แก่ หุบลำธารที่เรียกว่าไรไรเคียว (Rairaikyo Gorge) ซึ่งมีหินผารูปทรงประหลาดเรียงรายเป็นแถวขนานไปกับแม่น้ำนาโตริ ทางเดินเล่นที่คุณสามารถเดินเล่นไปกลับได้ใช้เวลาประมาณ 30-40 นาทีถัดออกไปคือน้ำตกอาคิอุ (Akiu Waterfall) คือ น้ำตกขนาดใหญ่กว้าง 6 เมตร สูงกว่า 55 เมตร เป็นหนึ่งในสามน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นที่เรียกว่า Japan’s “3 Lords Waterfalls (น้ำตกอีก 2 แห่งคือ น้ำตกฟุคุโรดะ – Fukuroda) จังหวัดอิบารากิ และนำ้้ ตกนาจิ-Nachi จังหวัดวากายาม่า) โดยเราสามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันงดงามได้ตลอดทุกฤดูกาลนอกจากนั้นโซนนี้ยังมีหมู่บ้านหัตถกรรมอาคิอุตุ๊กตาโคะเกะชิ (Akiu Kogei no Sato – Akiu Traditional Crafts Village) ตุ๊กตาไม้โคะเกะชิถือว่าเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของเมืองเซนไดก็ว่าได้

Sendai 49272914

จุดเด่นพิเศษตุ๊กตานี้อยู่ที่ความเพรียวของช่วงลำตัวที่เด็กๆ สามารถถือเล่นได้ง่าย โดยที่หมู่บ้านวัฒนธรรมแห่งนี้นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสวิถีของช่างงานฝีมือพื้นเมือง ไม่ว่าจะเป็นลูกข่างไม้ ตุ๊กตาโคะเกะชิ จานชามไม้ ซึ่งเราสามารถทำกิจกรรม Workshopด้วยการทดลองระบายสีตุ๊กตาโคะเกะชิของตัวเองอีกด้วย แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่สวย ที่นี่จะมีผู้เชี่ยวชาญดูแลและให้คำแนะนำแบบใกล้ชิดเสร็จแล้วเราก็จะได้ของที่ระลึกไม่ซ้ำแบบใครแน่นอน แต่ถ้าใครชอบแนววิทยาศาสตร์ที่นี่มีพิพิธภัณฑ์กล้องคาเลโดสโคปเซนได (Sendai Kaleidoscope) ซึ่งแสดงนิทรรศการหายากของกล้องคาเลโดสโคปผลงานของศิลปินชาวต่างประเทศ และชาวญี่ปุ่น Mr. Teruko Tsuji ก็น่าสนใจ ว่ากันว่าที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ kaleidoscope แห่งแรกของโลกเลยทีเดียว

Matsushima bay

สัมผัสท้องทะเลความงามติดอันดับที่มัตสึชิมะ (Matsushima)

จากตัวเมืองเซนได ด้วยรถไฟเพียง 40 นาที ก็จะถึงอ่าวมัตสึชิมะที่ติดอันดับ 1 ใน 3 ทัศนียภาพอันงดงามของญี่ปุ่น (อีกสองแห่งคืออะมะโนะ ฮาชิดาเตะ – Amano Hashidate จังหวัดเกียวโต และมิยาจิมะ- Miyagima จังหวัดฮิโรชิม่า) และในปี ค.ศ. 2013 อ่าวนี้ยังได้รับรางวัล “อ่าวที่งดงามที่สุดในโลก” รองจากอ่าวของมหาวิหารมงต์ ชาน มิเชล ที่ประเทศฝรั่งเศส และอ่าวซานฟรานซิสโก ของประเทศอเมริกา และเป็นอ่าวแรกของประเทศญี่ปุ่นที่ได้รับรางวัลนี้

98512827 - matsushima: back pine park

ที่อ่าวแห่งนี้มีเกาะน้อยใหญ่มากกว่า 260 เกาะทั้งในและนอกอ่าว มาที่นี่แล้วไม่ควรพลาดที่จะนั่งเรือสำราญชมทิวทัศน์รอบอ่าวอันงดงามที่เรียกว่า“โซคัง” “เรคัง” “อิคัง” และ “ยูคัง”

Zuigan-ji Temple in Matsushima, Japan

นอกจากนั้น ยังมีวัดสำคัญอีกสองแห่ง นั่นก็คือ วัดซูอิกันจิ (Zuiganji) เป็นวัดเซนที่มีชื่อเสียงที่สุดในภูมิภาคโทโฮคุ และได้รับการยกย่องให้เป็นสมบัติแห่งชาติและเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศ

Enmei Jizo at Zuigan-ji Temple in Japan

ก่อตั้งขึ้นโดยพระครู จิคาคุไดชิ (Jikaku Daishi) ซึ่งเป็นพระของนิกายเท็นได ต่อมาพอเกิดสงครามสมัยเซ็งโกคุ ตัววัดตกอยู่ในภาวะถดถอย ท่านดาเตะ มาซามุเนะ ได้ฟื้นฟูทำนุบำรุงขึ้นมาอีกครั้งโดยสั่งให้ช่างฝีมือระดับแนวหน้ากว่า 130 คนสร้างขึ้นในปี 1609 เป็นสถาปัตยกรรมแบบโมโมยามะ อุโบสถหลักประกอบด้วยห้อง 10 ห้องพร้อมที่พักรับรองของตระกูลนักรบซามุไร ที่ไม่ควรพลาดคือภาพเขียนประดับบนประตูกระดาษนกยูงมูโรชู โดยรอบๆ วัดจะมีถ้ำเล็กๆ ที่สำหรับพระสงฆ์ได้ปฏิบัติธรรม รวมถึงทางเดินต้นสน ซึ่งไม่ค่อยพบในวัดอื่นๆ

Sendai 106156078

อีกหนึ่งวัดที่น่าสนใจคือวัดเอ็นทสึอิน (Entsuin Temple) อยู่ถัดจากวัดซูอิกันจิซึ่งเป็นที่รู้จักคุ้นเคยกันในชื่อวัดแห่งกุหลาบ เนื่องจากที่วัดนี้ถูกสร้างไว้ทุกข์ให้กับหลานของท่านดาเตะ มาซามุเนะที่เสียชีวิตตั้งแต่อายุ 19 ปีและไว้บูชาเทพ Mitsumune เทพแห่งความเมตตา บริเวณหลุมศพมีการวาดภาพสวยงาม หนึ่งในภาพนั้นคือดอกกุหลาบตะวันตก ที่ว่ากันว่าเก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น อยู่ด้านในบานประตูขวาของตู้ประดิษฐานพระพุทธรูป

Sendai 106156389

ยังมีสวนหย่อมอีก 2 แห่งตั้งอยู่ใกล้กับห้องโถงหลัก แห่งแรกคือสวนมอสสไตล์ญี่ปุ่น และต้นเมเปิลล้อมรอบสระน้ำรูปหัวใจ ส่วนอีกแห่งหนึ่งเป็นสวนกุหลาบสไตล์ตะวันตก ที่ได้รับอิทธิพลมาจากภาพวาดในสุสานสุดท้ายแล้วมาทะเลทั้งทีที่พลาดไม่ได้คือ อย่าลืมลิ้มลองหอยนางรมสดจากท้องทะเล ที่ตลาดปลามัตสิชิมะกัน

Sendai 98717549

สิ่งที่ห้ามพลาดที่เซนได

นอกจากโซนหลักๆ ที่แนะนำไปแล้ว เซนไดและบริเวณใกล้เคียงยังมีที่ท่องเที่ยว เทศกาลและอาหารที่น่าลิ้มลองอีกหลายอย่างยกตัวอย่างเช่น หมู่บ้านสุนัขจิ้งจอกซาโอะ (Zao FoxVillage หรือ Zao Kitsune Mura) ในประเทศญี่ปุ่นสุนัขจิ้งจอกได้รับการยกย่องว่าเป็นร่างของ เทพอินาริโอคามิ (Inari Okami) เทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ทางการเกษตรที่หมู่บ้านสุนัขจิ้งจอกแห่งนี้มีพื้นที่กว่า 18,000 ตารางฟุตรวบรวมเอาสุนัขจิ้งจอกหลากหลายสายพันธุ์ หลากสี เปิดให้เข้าชมมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990 การเข้าชมนั้นต้องปฏิบัติตามกฎของสถานที่อย่างเคร่งครัด

LEICA VARIO-ELMAR-R 80-200mm F4

เช่น ห้ามใส่เครื่องประดับที่มีความแวววาว ผ้าพันคอหรือสิ่งของที่ห้อยย้อยรุ่งริ่งชวนให้น้องจิ้งจอกมาตะปบ แจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนที่จะจับตัวต้องให้อาหารหรือสัมผัสในโซนที่เขากำหนดไว้ ตลอดจนรายละเอียดอื่นๆ อีกมากมายแต่ไม่ได้ซีเรียสจนทำให้เราหมดสนุกกับการสัมผัสสุนัขจิ้งจอก เพราะสุนัขจิ้งจอกที่นี่น่ารักแทบทุกตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโซนที่อนุญาตให้อาหารสุนัขจิ้งจอกได้ เราว่ามีกี่พันเยนก็หมดเพราะความน่ารักของเขา หรือถ้าใครชื่นชอบงานเทศกาล หนึ่งงานเทศกาลฤดูร้อนที่ยิ่งใหญ่เทศกาลหนึ่งของเซนไดคือเทศกาลเซนไดทานาบาตะมัตสึริ (Sendai TanabataMatsuri) หรือเทศกาลแห่งดาว

84334463 - the tanabata festival

ซึ่งจะจัดขึ้นช่วงประมาณต้นเดือนสิงหาคม ประมาณวันที่ 5-8 สิงหาคม ซึ่งจะร่วมกับเทศกาลคันโตะ มัทสึริ (Kanto Matsuri) ของจังหวัดอาคิตะ และเนบูตะ มัทสึริ (Nebuta Matsuri) ของจังหวัดอาโอโมริ เทศกาลทั้งสามถูกเรียกรวมกันว่า โทโฮคุเซนได มัทสึริ (Tohoku Sendai Matsuri) หรือเทศกาลที่ยิ่งใหญ่ทั้งสามแห่งภูมิภาคโทโฮคุ สำหรับเทศกาลเซนไดทานาบาตะนั้นจะจัดกลางเมืองเซนได จุดเด่นอยู่ที่ธงยาวที่ประดับอยู่บนกิ่งไผ่ที่มีความยาวประมาณ 10 เมตร โดยธงนี้จะทำจากกระดาษวาชิ (washi) ที่ยาวกว่า 3-5 เมตรโดยธงนี้จะแทนด้ายจากเครื่องทอผ้าตามตำนานชายเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้า แล้วยังมีกระดาษพับเป็นรูปต่างๆ เช่นพับเป็นกิโมโน เพื่อช่วยให้สุขภาพแข็งแรง นกกระเรียนให้อายุยืนยาว กระเป๋าเงินเพื่อให้ธุรกิจรุ่งเรือง ฯลฯ หรือเทศกาล Aoba Matsuri งานฉลองการก่อตั้งเมืองเซนได ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีช่วงประมาณเดือนพฤษภาคม เป็นเวลากว่า 350 ปีแล้ว

Sendai 2296792

ภายในงานจะมีการรำพื้นเมืองที่เรียกว่า รำนกกระจอก (Sendai Suzume Odori) ซึ่งผู้รำจะถือพัดสองมือแล้วเต้นรำอย่างทรงพลังท่ารำคล้ายคลึงกับการก้มจิกกินอาหารของนกกระจอก ว่ากันว่ารูปแบบการรำนี้มาจากช่างหินซึ่งฉลองการสร้างปราสาทเซนไดเสร็จสมบูรณ์นอกจากนี้ยังมีขบวนแห่รถกงจักรทรงสูงที่เรียกว่า Yamaboko ออกโชว์ตามท้องถนนพร้อมด้วยพาเหรดตกแต่งเต็มยศ

57410016 - sendai aoba matsuri

สุดท้ายมาเซนไดสิ่งที่ไม่ควรพลาดก็คือ การลิ้มลองเนื้อวัวและลิ้นวัวของเซนได เนื้อวัวของเซนไดนั้น เป็นวัวเนื้อสีดำพันธุ์ญี่ปุ่นและถูกจัดเกรดที่ A-5 หรือ B-5 โดย Japan Meat Grading Associationนับว่าเป็นเนื้อเกรดสูงสุดหรือระดับชั้นนำ เพราะถูกเลี้ยงด้วยลำต้นข้าว sasanishiki ซึ่งเป็นข้าวพันธุ์เยี่ยมและข้าวบาร์เล่ย์

Sendai 46847200

ส่วนลิ้นวัว (Gyutan) มีความพิเศษคือ มีรสสัมผัสที่อ่อนนุ่มและชุ่มฉ่ำ นิยมนำมาสไลซ์บางแล้วย่างหรือนำมาทำเป็นข้าวราดหน้าดนบูริ เป็นต้นนอกจากเมืองเซนได จังหวัดมิยางิ (Miyagi) แล้วในภูมิภาคโทโฮคุแห่งนี้ยังมีจังหวัดที่น่าสนใจอีกมากมายไม่ว่าจะเป็น จังหวัดอะคิตะ (Akita), จังหวัดอะโอโมริ (Aomori), จังหวัดอิวะเตะ (Iwate), จังหวัดยะมะงะตะ (Yamagata) และจังหวัดฟุคุชิมะ (Fukushima) ซึ่งแต่ละจังหวัดก็มีความสวยงามไม่แพ้กัน และคุณสามารถเดินทางเข้าถึงภูมิภาคโทโฮคุแห่งนี้ได้ง่ายดายยิ่งขึ้นโดยการบริการของสายการบินไทยที่มีเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพฯ สู่เมืองเซนได จังหวัดมิยางิ ทุกวันอังคาร พฤหัสบดี และเสาร์ และบินกลับจากเซนไดสู่กรุงเทพฯในวันพุธ ศุกร์ และอาทิตย์ วันพักผ่อนที่จะถึงนี้ ไปสวัสดี เซนได และท่องเที่ยวภูมิภาคโทโฮคุ แค่คลิก www.thaiairways.com

thaiairwayslogoCapture

Share This Post:Share on Facebook0Share on Google+0Tweet about this on TwitterShare on LinkedIn0