Sheep & Chill in New Zealand
Story & Photo by Kanjana Hongthong
บางทีนิวซีแลนด์ ก็ทำให้รู้สึกว่ามนุษย์เป็นส่วนเกินบนโลกใบนี้ แกะต่างหากที่เหมาะกับโลกแห่งธรรมชาติอย่างนิวซีแลนด์ สิ่งมีชีวิตสีขาวขยับตัวได้ วางตัวเป็นเจ้าทุ่งและเจ้าถิ่น อย่างไม่เกรงใจสายตานักท่องเที่ยว ขนาดวัวตัวใหญ่กว่า ยังต้องหลบทางให้แกะ คิดดูว่าประชากรชาวนิวซีแลนด์มีประมาณ 4.5 ล้านคน แต่ประชากรแกะมีกว่า 60 ล้านตัว คิดง่ายๆ คือชาวนิวซีแลนด์เป็นเจ้าของแกะโดยเฉลี่ยคนละ 13 ตัว
ไม่น่าแปลกใจว่า ตลอดระยะเวลาที่แรมทางบนแผ่นดินกีวี ฉันเจอหน้าแกะมากกว่าหน้าคนซะอีก นี่ขนาดว่าช่วง 20 ปีที่ผ่านมา จำนวนแกะในนิวซีแลนด์ลดจำนวนลงอย่างมากแล้วนะ แต่ไม่ว่าจะสัญจรไปไหนก็ยังเจอแกะเยอะอยู่ดี แกะอาละวาดตั้งแต่เครื่องบินกำลังจะแลนดิ้ง มองจากองศาของนก ฉันคิดว่าชาวนาชาวไร่ที่นี่เขาตั้งใจนำกระดาษทิชชูมากองไว้บนทุ่งหญ้าสีเขียว จึงเห็นสีขาวเป็นหย่อมๆ เกลื่อนทุ่ง มีสีดำแซมบ้างแต่น้อยมาก
เมื่อเครื่องค่อยๆ แล่นลง จึงพบว่าสีขาวมัวที่เห็นนั้น เป็นแกะยืนระเกะระกะกระจายอยู่เต็มทุ่ง สีดำที่เห็นเป็นวัว ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยเมื่อเทียบกับแกะ ช่วงเวลาหลายวันในนิวซีแลนด์ ภาพฝูงแกะสีขาวกระจัดกระจายบนทุ่งหญ้าสีเขียวตัดกับสีครามระเรื่อของท้องฟ้า เป็นเหมือนภาพคุ้นตาที่ธรรมชาติบรรจงวาดเอาไว้ บางฟาร์มเลี้ยงวัวปนกับแกะ ปล่อยให้ยืนเล็มหญ้ากินเคียงข้างกัน ไม่รู้ว่าเคยมีวัวแมนๆ ฟาร์มไหนเคยแอบจีบแกะสาวบ้างหรือเปล่านะ
มองมากเข้า บางครั้งอยากใช้ชีวิตสันโดษแบบแกะและวัว พวกมันยืนและเล็มหญ้าอย่างอิสระ สงบ และอารมณ์ดีกลางทุ่งโล่ง ไม่เดือดเนื้อร้อนใจกับอากาศ สายตาของผู้คน และแรงขับเคลื่อนของโลก อย่างดีก็แค่เงยหน้าขึ้นมามอง แล้วก้มหน้าก้มตาเล็มหญ้าต่ออย่างไม่สนใจโลก
แปลกดีนะ ฉันฟังเรื่องราวเกี่ยวกับเด็กเลี้ยงแกะมามาก แต่นั่งรถผ่านมาไม่รู้กี่ร้อยกี่พันฟาร์ม ไม่ยักเห็นเด็กเลี้ยงแกะ มีแต่แกะเลี้ยงตัวเอง หรืออย่างดีก็มีหมาเลี้ยงแกะ ยืนคุมเชิงเป็นจิ๊กโก๋ประจำฟาร์ม ไม่ให้แกะแตกแถว
ใครที่คาดหวังมาเห็นแกะขนฟูฟ่อง ขาวจั๊ว อาจผิดหวัง เพราะเท่าที่เห็นมา แกะบางตัวเพิ่งโดนโกนขนมาซะเตียน เหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ขนที่ว่าขาวก็มอมซะจนไม่มีพื้นที่สีขาวให้เห็น มีแต่ขนสีฝุ่นขมุกขมัว บางตัวเหมือนนางงาม ถูกสเปรย์พ่นสีแดงติดเบอร์ตามลำตัว เข้าใจว่าพวกนี้อาจจะเพิ่งถูกตัดขนมาหมาดๆ ซึ่งตามปกติแล้วในแต่ละปี เขาจะตัดขนแกะปีละ 2 ครั้ง
ส่วนใครที่อยากดูโชว์ตัดจนแกะ แถวเมืองโรโตรัวมี Agrodome แหล่งสาธิตการตัดขนแกะ ชมแกะหลากสายพันธุ์ที่มีอยู่ในนิวซีแลนด์ และการใช้สุนัขต้อนฝูงแกะ นอกจากนี้ยังมีการรีดนมวัวและสาธิตวิธีป้อนนมลูกแกะให้ชมอีกด้วย แถมเดี๋ยวนี้เขามีสัตว์จำพวกอัลปากามา เดินเยื้องย่างโชว์ตัวอยู่ในฟาร์มอีกด้วย
ที่นี่แหละที่จะได้เห็นเนื้อแท้ของแกะ ว่าภายใต้ขนที่ฟูนุ่มนั้น พอล่อนจ้อนปราศจากขนหนาๆ แล้วหน้าตาจะเป็นยังไง แถมยังได้เห็นกระบวนการและขั้นตอน ก่อนที่จะได้ขนแกะนุ่มๆ มาทำเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นขนแกะ เนื้อแกะ ไปจนถึงครีมรกแกะ ที่ว่าใช้แล้วหน้าเด้งดึ๋งดั๋ง บางกระปุกระบุไว้เลยนะว่าประเภทรกแกะเด็กใช้เด้งเร็วกว่ารกแกะสาว
จะว่าไปแล้ว นิวซีแลนด์ก็ยังคงเป็นประเทศที่มีการส่งออกเนื้อแกะมากที่สุดในโลก คิดเป็นตัวเลข 53 % ของตลาดการค้าทั่วโลก แถมยังเป็นประเทศที่สามารถผลิตขนแกะรายใหญ่ที่สุดของโลก ส่วนพวกผลิตภัณฑ์จากขนแกะนิวซีแลนด์ ก็ได้รับการยกย่องว่ามีขนาดที่ยาว คุณภาพดี แข็งแรงและทนทาน
ว่าด้วยเรื่องของแกะไปแล้ว กีวีเป็นอีกอย่างหนึ่งที่เป็นสัตว์สัญลักษณ์ของนิวซีแลนด์เลยก็ว่าได้ คนส่วนใหญ่จึงมักเรียกขานว่าเป็นดินแดนกีวี หลายคนบอกไม่ได้นึกไปถึงนกกีวีหน้าตาน่าเอ็นดู หรือผลไม้เนื้อสีเขียว แต่ดันไปนึกถึงผลิตภัณฑ์ยาขัดรองเท้าซะงั้น กีวีตัวปลอมๆ นั้นหาดูได้ตามร้านขายของที่ระลึกทั่วไป แต่ถ้าอยากดูตัวเป็นๆ ต้องไปหาดูตามสวนสัตว์ และที่เมืองโรโตรัวก็มี Kiwi house ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมนกกีวีตัวเป็นๆ และตัวปลอมๆ แต่ห้ามถ่ายรูป เพราะนกกีวีเป็นสัตว์กลางคืน จึงไม่ควรให้แสงแฟลชไปรบกวน
กีวีตัวจริงมีขนาดเท่ากับแม่ไก่ตัวเล็กๆ แต่มีเท้าที่แข็งแรง และเรียวปากอันแหลมยาว ซึ่งงอกออกมาทางจงอยปาก เพื่อใช้สำหรับขุดเจาะหาไส้เดือนที่ซุกตัวอยู่ใต้ดิน ส่วนกีวีที่เป็นผลไม้นั้น มีเนื้อสีเขียว รสชาติเปรี้ยวๆ หวานนิดๆ ชิมแล้วกระปรี้กระเปร่าทันตา มีทั้งแบบสดและเป็นผลไม้อบแห้ง แถมมีครีม โลชั่นและลิปสติกกีวีออกมาวางขายแข่งกับครีมรกแกะ โล่งอกไป อ่านข้างกระปุกได้ความว่าเป็นครีมที่สกัดจากผลกีวี เห็นวางประกบครีมรกแกะ คิดว่ามาจากรกของนกกีวี
ความจริงเที่ยวนี้นอกจากเดินสายสำรวจแกะทั้งเกาะเหนือและเกาะใต้แล้ว ฉันยังเดินทางตามรอยหนังอีกด้วย พิกัดที่พุ่งเป้าขับรถไปหาคือเมืองมาทามาทา (Matamata) ที่อยู่บนเกาะเหนือ แล้วก็พบว่าเมืองเล็กๆ แห่งนี้มีหมู่บ้านตั้งกระจายอยู่กลางทุ่งหญ้าและฟาร์มของชาวบ้าน
และหนึ่งในหมู่บ้านที่ดังที่สุดในละแวกนี้คงไม่พ้นฮอบบิตัน (Hobbiton) หมู่บ้านซึ่งเป็นฉากในหนังดัง 2 เรื่องอย่างเดอะ ฮอบบิท และเดอะ ลอร์ดออฟ เดอะ ริงส์
น่าสนใจตรงที่ทุกอย่างที่อยู่ในฉากหนัง ยังคงถูกเก็บให้เหมือนตอนที่ใช้ถ่ายทำหนังทุกอย่าง บ้านทุกหลัง สะพาน ไปจนถึงต้นไม้ที่มีทั้งปลอมและจริงที่อยู่ในฉาก ก็ยังคงปักหลักอยู่ที่เดิม แม้แต่พร็อพจำพวกผัก ผลไม้ ราวตากผ้าก็ไม่ได้ถูกโละทิ้งไปไหน
ว่ากันว่า เดิมทีหมู่บ้านฮอบบิตันยังเป็นพื้นที่โล่งๆ แต่เมื่อทีมงานของหนังเรื่องลอร์ด ออฟ เดอะ ริงส์ มาสำรวจที่ดินของครอบครัวอเล็กซานเดอร์ ก็เกิดความถูกใจมาก และตัดสินใจใช้เป็นมุมถ่ายทำ
หลังจากนั้น เมื่อทีมงานภาพยนตร์เรื่องเดอะ ฮอบบิท มาเห็นก็ถูกใจอีกเช่นกัน จึงขอใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำ หมู่บ้านฮอบบิตันจึงได้สร้างบ้านจำลองขึ้นที่นี่
จากตอนแรก กะจะก่อสร้างฉากกันชั่วคราว ทำไปทำมา ก็ขอให้มีการสร้างฉากทั้งหมดอย่างถาวรไปเลย ภายในหมู่บ้านฮอบบิตันยังมี ไชร์ เรสต์ คาเฟ่ ตั้งอยู่บริเวณทางเข้าหมู่บ้าน
สำหรับให้นักท่องเที่ยวนั่งจิบเครื่องดื่มสูตรพิเศษที่ทางหมู่บ้านจัดเตรียมไว้ให้ แต่ฉันเลือกดื่มจิงเจอร์เบียร์ มุมนี้ยังแวดล้อมไว้ด้วย
วิวทิวทัศน์ที่สวยงามและร่มรื่น มองไปเห็นทั้งทะเลสาบและเนินเขาที่มีแกะเดินเล่นเป็นหย่อมๆ ทั้งรสชาติของจิงเจอร์เบียร์ ธรรมชาติอันรื่นรมย์ และทุ่งหญ้าที่ปะพรมไว้ด้วยฝูงแกะ เนรมิตให้นิวซีแลนด์วันนั้นชุ่มฉ่ำหัวใจเหลือเกิน
– สายการบินไทยบินตรงจากกรุงเทพฯ ไปออคแลนด์ คลิกเข้าไปดูรายละเอียดที่ www.thaiairways.com
– ที่พักในเมืองมาทามาทามีให้เลือกมากมายแต่ส่วนใหญ่เป็นฟาร์มสเตย์ แนะให้พักที่ www.depreauxlodge.com เรือนพักกลางทุ่งหญ้าสีเขียวที่บรรยากาศดี มีแกะและวัวอยู่ในรั้วบ้านเลย เจ้าบ้านเป็นมิตรมาก ห้องหับสะดวกสบาย
– ไม่ว่าจะวางแผนเที่ยวเกาะเหนือหรือเกาะใต้ของนิวซีแลนด์ คลิก เข้าไปหาข้อมูลได้ที่ www.newzealand.com หรือโทร.สอบถาม ข้อมูลการท่องเที่ยวนิวซีแลนด์ในประเทศไทยได้ที่ 0 2254 2530