Moscow & Memories
Story & Photo by Kanjana Hongtong
ฤดูกาลทำให้มอสโก (Moscow) เปลี่ยนไปเป็นคนละเมืองจริงๆ ฤดูหนาวในมอสโกเคยทำให้รู้สึกว่าโลกที่ประพรมไว้ด้วยสีขาวและอากาศหนาวเหน็บช่างน่าชิงชังเหลือเกิน อุณหภูมิติดลบเกือบ 20 องศากรีดเฉือนเลือดเนื้อซะไม่มีชิ้นดี
ออทั่มในมอสโกเผยให้เห็นสีสันจากใบไม้เปลี่ยนสีของมอสโก ราวกับรอยยิ้มของ มอสโกผลิขึ้นเบาๆ
แต่มอสโกเที่ยวล่าสุด ฉันได้สัมผัสมอสโกในซัมเมอร์ ถึงได้รู้ว่าหญิงสาวที่ว่ายิ้มยาก ที่แท้ก็ซ่อนความเบิกบานเอาไว้ในตัว มอสโกเป็นแบบนั้นแหละ
ซัมเมอร์ซะอย่าง จะไปมาไหนก็สะดวกสบายไปซะหมด กว่าแสงแดดจะลับตามอสโกก็ดึกดื่น แต่แม้จะเป็นค่ำคืนวิหารเซนต์บาซิลยามที่ประดับประดาไปด้วยแสงไฟระยับ ก็งดงามเย้ายวนจนต้องมองวนไปรอบๆ ในราตรีกาลวิหารเซนต์บาซิลว่าสวยแล้ว เมื่อทิวามาเยือน ยามถูกขับด้วยแดดสีหวาน วิหารเซนต์บาซิลยิ่งน่ามองขึ้นเป็นเท่าตัว จะว่าไปแล้ววิหารงามแห่งนี้แหละ ที่เป็นเหมือนโลโก้ของทั้งกรุงมอสโกและรัสเซียก็ว่าได้
มากกว่าสีลูกกวาดของเซนต์บาซิล ฉันมองเห็นความศักดิ์สิทธิ์และมนตร์ขลังที่อาบไล้อยู่ทั่ววิหาร สมแล้วที่ถูกคนรัสเซียยกให้เป็นสถาปัตยกรรม อันยิ่งใหญ่ในยุคศตวรรษที่ 16 เบื้องหลังความงดงามของเซนต์บาซิล ได้ซ่อนเรื่องราวในอดีตอันน่าสยดสยองเอาไว้ด้วย พระเจ้าซาร์อีวาน มีบัญชา ให้สร้างวิหารแห่งนี้ขึ้น เพื่อใช้เป็นวิหารสวดมนต์บูชาแม่พระผู้ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นการเฉลิมฉลองที่สามารถยึดครองแคว้นคาซานมาเป็นเมืองขึ้นได้สำเร็จ
พอได้วิหารสวยหยาดเยิ้มสมใจนึกแล้ว พระเจ้าซาร์อีวานจึงรับสั่งให้ควักลูกตาของผู้สร้างวิหารซึ่งเป็นสถาปนิกทิ้งเสีย เพราะไม่ต้องการให้ไปสร้างผลงานชิ้นอื่นที่สวยงามทัดเทียมวิหารแห่งนี้อีก รูปทรงโบสถ์นี้ไม่เหมือนกับโบสถ์อื่นๆ คือมีโดม 8 โดมล้อมรอบโดมที่ 9 ที่อยู่ตรงกลาง ทำให้อาคารมีรูปทรงแปดเหลี่ยม แถมยอดโดมทั้ง 9 สวยไม่ซ้ำหน้า
ด้านหน้าวิหารถูกเติมแต่งด้วยอนุสาวรีย์ของ 2 วีรบุรุษ ผู้ปกป้องแผ่นดินรัสเซียไว้จากกองทัพโปแลนด์ ทำให้วิหารแห่งนี้ดูมีมิติที่หนักแน่นและเข้มขลังขึ้น และเมื่อมาถึงวิหารเซนต์บาซิลแล้ว ขยับตัวไปนิดเดียว คือจัตุรัสแดงนั่นเอง จัตุรัสแดงในวันอากาศเป็นใจ ท้องฟ้าเปิดโล่งยิ่งขับให้อาคารสีแดงที่อยู่กลางจัตุรัสโดดเด่นยิ่งขึ้นอีก
ในอดีตลานหินกว้างที่วางตัวเลียบกำแพงเครมลินแห่งนี้ เคยเป็นตลาดที่บรรดาพ่อค้าแม่ขายจะมาซื้อขายและแลกเปลี่ยนสินค้า พี่น้องกรรมกรก็มาชุมนุมประท้วงบนลานนี้ ชาวนาก่อม็อบก็ยึดหัวหาดบนจัตุรัสนี้ เฉลิมฉลองอะไรก็ตรงนี้ กระทั่งในยุคสังคมนิยมลานกว้างแห่งนี้ เคยใช้เป็นที่แสดงแสนยานุภาพทางการทหารและกองทัพ เรียกว่าจะโศกนาฏกรรม….จลาจล….หรือการเฉลิมฉลอง ล้วนเกิดขึ้นบนจัตุรัสแห่งนี้
ยุคสมัยเปลี่ยนไป รัสเซียเคลื่อนขยับปรับโฉมไปตามจังหวะของโลก แต่ไม่ว่าฤดูไหนๆ จัตุรัสแดงยังคงทอดตัวอยู่ใจกลางกรุงมอสโกทุกเมื่อเชื่อวัน ทางตอนใต้ของจัตุรัสแดงมีอาคารที่ทำการของวิทยุและโทรทัศน์ของรัฐบาล ในอดีตเคยเป็นสถานที่ที่พระเจ้าซาร์มีพระราชดำรัสต่อประชาชน หรือหากทางการมีคำสั่งอะไรก็จะมาติดประกาศตรงจุดนี้ ส่วนทิศตะวันตกเชื่อมติดกับพระราชวังเครมลิน แต่อีกมุมหนึ่งของจัตุรัส ที่ผู้คนให้ความสนใจคืออาคารหินแกรนิตสีดำแดง ที่นั่นคือสุสานเลนิน ภายในมีโลงแก้วคริสตัล ที่บรรจุศพอดีตประธานาธิบดีเลนิน ข้างจัตุรัสยังมีห้างสรรพสินค้ากุมอันเก่าแก่ ที่ในวันนี้ถูกกองทัพสินค้าแบรนด์เนมบุกจับจองพื้นที่จนแน่นห้าง
ฉันค่อยๆ บรรจงจรดรอยเท้าย่ำไปบนลานหินกว้างยาว 700 เมตร กว้าง 130 เมตร ทุกก้าวเป็นการเยื้องย่างไปบนถนนสายประวัติศาสตร์ และแน่นอนว่าหากอยากตามรอยประวัติศาสตร์ของมอสโก เครมลินคือสถานที่ที่ต้องไปสำรวจ ที่จริงเครมลินคือป้อมปราการนั่นเอง เมืองสำคัญต่างๆ ของรัสเซียมักจะมีเครมลินแทบทั้งนั้น
ส่วนเครมลินแห่งมอสโกสร้างในช่วงปี ค.ศ. 1485 – 1495 โดยสถาปนิกชาวอิตาเลียน กระทั่งเมื่อปี ค.ศ. 1990 เครมลินและจัตุรัสแดงได้รับการคัดเลือกจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก เครมลินแห่งมอสโกทอดตัวอยู่บนเนินเขาริมฝั่งแม่น้ำมอสโก ล้อมรอบด้วยถนนสายหลักของเมือง
ภายใต้กำแพงยาวประมาณ 2 กิโลเมตร กำแพงบางช่วง หนาถึง 6.5 เมตร อิฐที่ใช้ในการก่อสร้างแต่ละก้อนหนัก 8 กิโลกรัม มีหอคอยทั้งหมด 20 แห่ง แต่หอที่ได้ชื่อว่างดงามที่สุดคือหอคอยสปัสกายาทาวเวอร์ ที่ออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาเลียน บนหอคอยมีนาฬิกาประดับอยู่คอยบอกโมงยามแก่ผู้ผ่านทาง
ยิ่งขยับตัวเข้าใกล้ ก็ยิ่งพบว่าป้อมปราการที่ดูเข้มแข็งบึกบึน กำแพงอิฐสีแดงสูงชะลูดล้อมรอบพระราชวังที่เห็นกันอยู่ในทุกวันนี้ เดิมทีเป็นกำแพงไม้ ต่อมาเปลี่ยนมาเป็นหินปูนสีขาว จนกระทั่งในสมัยของพระเจ้าซาร์อีวานที่ 3 ได้มีบัญชาให้รื้อกำแพงเครมลิน เปลี่ยนเป็นอิฐสีแดง ที่นี่ไม่ได้เป็นเพียงศูนย์กลางด้านการปกครองและวัฒนธรรม แต่ยังเป็นจุดกำเนิดประวัติศาสตร์ของรัสเซีย ที่มีอายุยาวนานกว่า 850 ปี
อดีตเคยเป็นที่ประทับของซาร์หรือกษัตริย์ของชาวรัสเซีย และเป็นศูนย์กลางของคริสตจักรนิกายออร์ทอดอกซ์ ต่อมาใช้เป็นทำเนียบรัฐบาล หมู่อาคารน้อยใหญ่ มีทั้งที่ทำงานของประธานาธิบดี รัสเซีย พระราชวังที่ในอดีตเคยเป็นที่พำนักพักพิงของเลนิน ถัดมาอีกนิดเป็นโรงละครบัลเลต์ที่แต่ก่อนใช้ประชุมสภาของพรรคคอมมิวนิสต์ ไปจนถึงจัตุรัสคาธีดรัล จึงพบภาพอันวิจิตรปรากฏอยู่เบื้องหน้า
ภายในจัตุรัสคาธีดรัล มีวิหาร 3 หลัง แต่ละหลังมีอายุกว่า 600 ปี เป็นสถาปัตยกรรมแบบเรเนซองส์ผสานกับไบเซนไทน์ และมียอดโดมสีทองและหอระฆังสีขาว
ที่จริงมอสโกยังมีอะไรให้เดินสายเที่ยวอีกเยอะ แต่มาเที่ยวนี้ อยากไปหาอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ บ้าง แทนที่จะไปเดินสำรวจข้าวของบนถนนอารบัตเหมือนอย่างเคย ฉันจึงเลือกมองหาตลาดนัดกลางแจ้งแปลกๆ ใหม่ๆ เพื่อไปเดินสายเที่ยวดูบ้าง แล้วก็ได้ข้อมูลมาว่า มอสโกมีตลาดนัดกลางแจ้งเยอะ แต่ใครอยากสัมผัสตลาดเจ้าเสน่ห์ของมอสโกก็ลองแวะไปที่ตลาดอิสไมลอฟ
ตลาดนัดกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดของ มอสโก ฉันเป็นคนหูเบาซะด้วย รีบพุ่งตรงไปที่นั่น โชคดีมอสโกสะดวกสบายด้วยรถไฟใต้ดิน จะไปตลาดนี้ลงที่สถานี Partizanskaya จากนั้นเดินตามป้ายตลาดไปเรื่อยๆ แต่ยังไม่ทันได้จับจ่ายก็ตะลึงในความสวยงามทางสถาปัตยกรรมของตลาดแห่งนี้ มาแล้วต้องให้เวลากับที่นี่เยอะๆ หน่อย เพราะตลาดใหญ่มาก แต่ไม่ต้องเป็นห่วงเพราะตลาดเปิดทุกวันตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึงราวๆ 6 โมงเย็น
ด้านในของตลาดมีทั้งโซนของที่ระลึกจำพวกตุ๊กตาแม่ลูกดก โซนของเก่า ของมือสอง งานแฮนด์เมด อำพัน และเครื่องไม้ มาที่นี่ที่เดียวได้ของครบทุกอย่าง พูดถึงตุ๊กตาลูกดกซะหน่อย นี่เป็นของอยู่ในหมวดสินค้าขายดี แทบทุกร้านจะมี จะให้ดีเปิดเช็กให้ดีก่อน บางคนซื้อมาถึงบ้านแล้วข้างในหัก เปิดเช็กแต่ละชั้นให้ครบ และถ้าซื้อหลายชิ้นสามารถต่อรองราคาได้
มุมอื่นของมอสโกอาจจะหาของเก๋ๆ คูลๆ ยาก แต่มาที่นี่จะมีงานแนวนี้มาให้เลือกช้อปกันพอสมควร เป็นต้นว่าพวกกระเป๋าและเครื่องประดับ พวกผ้าพันคอและหมวกกันหนาว เป็นของที่นักท่องเที่ยวนิยมช้อปเหมือนกัน ใครเตรียมอุปกรณ์กันหนาวไปไม่พอมาเดินดูที่นี่ได้ แต่พูดเลยว่าคนรักของเก่ามาที่นี่ก็อาจจะดูกันปวดตาไปเลย เพราะมีให้เลือกเยอะมาก อยากได้ของดีให้มาแต่เช้า และมีเวลาเลือก รวมถึงเผื่อเวลาไว้ด้วย เพราะพ่อค้าที่นี่ชอบสนทนาและบอกประวัติของแต่ละชิ้น
มาเดินเตร็ดเตร่อยู่ครึ่งค่อนวันก็เชื่อแล้วว่า ตลาดนี้ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งของถูกประจำ มอสโก ใครที่คิดจะช้อป เลือกซื้อที่นี่ถูกกว่าตามจุดท่องเที่ยวในตัวเมืองเยอะเลย ใครช้อปแล้วเหนื่อยมีมุมอาหารรัสเซียให้ชิมกันด้วย แถมบรรยากาศน่าสนุกมาก ควันขโมงโฉงเฉงไปหมด เรียกว่า น่าดูและน่ากินพอๆ กัน
ยิ่งรู้จักมอสโก ยิ่งพบว่านี่คือเมืองที่สวยคมๆ ซ่อนความลึกลับอยู่ในดวงตา นอกจากมีวิหารเซนต์บาซิลเป็นโลโก้ของเมืองที่คมชัดแล้ว ยังมีพระราชวังเครมลินเป็นดวงใจแห่งมอสโกด้วย