Machu Picchu – Peru
เรื่องโดยทีมงาน Vacationist
“ผู้ถือพาสปอร์ตไทยสามารถเข้าเปรูได้เลย โดยไม่ต้องขอวีซ่าสามารถอยู่ได้ไม่เกิน 90 วัน” เป็นเหตุผลง่ายๆ เวลาที่ผมตัดสินใจเดินทางไปที่ไหน ตัวเลือกแรกที่มักจะผ่านเข้ามาคือฟรีวีซ่า เพราะถ้าฟรีวีซ่า แค่คุณมีเวลา มีเงินเพียงพอแค่เก็บกระเป๋าก็พร้อมเดินทาง
อย่างเช่นการเดินทางของผมในครั้งนี้ “มาชูปิกชู” (Machu Picchu) อยู่ในประเทศเปรู ทวีปอเมริกาใต้ แม้ว่ามาจากประเทศไทย จะไม่มีเที่ยวบินบินตรง ต้องแวะ1-2 จุดอย่างต่ำไม่ว่าจะผ่านทางอเมริกาหรือยุโรป ใช้เวลาต่อเครื่องรวมเดินทางถึงที่พักอยู่ที่ประมาณ 2 วัน ดูเป็นการเดินทางที่ยุ่งยาก แต่บอกได้ว่าคุ้มค่ากับการเดินทางหรือถ้าคุณมีเวลา คุณสามารถท่องเที่ยวอเมริกาหรือยุโรปก่อนได้ที่เปรูใช้เงิน Peruvina sol ตัวย่อคือ S เรียกสั้นๆ ว่าโซล 1 PEN หรือ Sol จะประมาณ 10 บาท เราสามารถแลกเงินดอลล่าร์ USD หรือเงินยูโร EUR ไปก่อนแล้วค่อยไปแลกเงินเปรูได้ที่สนามบิน Lima มีให้แลก หรือเข้ามาแลกในเขตเมืองใหม่มิราฟลอเรส (Miraflores) ก็ย่อมได้ มีร้านให้เลือกมากมาย บางร้านให้เรทราคาที่ดี
ช่วงที่น่าไปเที่ยวเปรูสำหรับชาวต่างชาติคือช่วงพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม โดยเฉพาะช่วงมิถุนายน – สิงหาคม เป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวเดินทางมาเปรูมากที่สุด เนื่องจากอากาศจะดีไม่มีฝน ช่วงที่ไม่ควรไปสุดคือ ธันวาคม –กุมภาพันธ์ เพราะฝนจะตกหนักมาก ที่สำคัญในเขตภูเขาสูงทางตอนในรวมถึงเส้นทางไปปีนเขาหรือไปเทรคกิ้ง Inca Trail ปิดไม่ให้
เข้าอีกด้วย เวลาที่เปรูช้ากว่าไทย 12 ชั่วโมงจากท่าอากาศยานนานาชาติจอร์จ ชาเวซ J Chavez Intl (LIM) นั่งแท็กซี่ใช้เวลาประมาณ 20 นาที สนามบินอยู่ห่างจากตัวเมืองลิมา (Lima) เมืองหลวงของเปรูประมาณ 7 กม. แนะนำพักผ่อนที่เมืองลิมาสัก 1 คืนก่อน หลังจากนั้นค่อยเดินทางบินไปเมืองกุสโก (Cusco) แล้วค่อยเลือกว่าจะนั่งรถไฟหรือรถทัวร์ไปยังเมืองอากวาส กาเลียนเตส (Aguas Calientes) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการขึ้นไปชมมาชู ปิกชู
ลิม่า (Lima)
ก่อนพักผ่อนที่เมืองลิมาสักคืน นอกจากจะทำให้ร่างกายคุณได้พักผ่อนจากเดินทางมายาวนานแล้วยังจะช่วยให้คุณสามารถปรับร่างกายให้ค่อยๆ เข้ากับภูมิประเทศที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลมากถึง 3,300 เมตรนักท่องเที่ยวมักประสบกับปัญหาของโรค Altitude Sickness จึงควรเตรียมยาอย่างเช่นยา Diamox ไปด้วย เป็นยาลดการแพ้เมื่อต้องอยู่บนที่สูงสำหรับเมืองลิมา ซึ่งเป็นเมืองหลวงและขนาดใหญ่ที่สุดของเปรู ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของประเทศติดมหาสมุทรแปซิฟิก มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอย่างเช่น
จัตุรัสอาร์มัส เด ลิมา (Plaza de Armas de Lima) จตุรัสกลางของเมืองลิมาที่มีความโดดเด่นสวยงาม มีน้ำพุขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลางจตุรัส ล้อมรอบด้วยพันที่สีเขียว ต้นไม้และสถานที่สำคัญต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทำเนียบรัฐบาลที่อยูฝั่งพื้นที่ทางเหนือทั้งหมดของพลาซ่า แหล่งพำนักของประธานาธิบดีและเป็นสถานที่ประชุมของคณะรัฐบาล จะมีการผลัดเปลี่ยนเวรของทหารรักษาการณ์เป็นประจำจากพลาซ่าแห่งนี้ทุกวัน ในช่วงเวลาเที่ยงวัน
มหาวิหารลิมาเมโทรโพลิแทนสุดอลังการซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออก สร้างขึ้นในศตวรรษที่16 ด้วยลักษณะสไตล์บาโรกและหอคอยแฝดโบสถ์แห่งนี้มีทางเข้าออกหลายด้านและเชื่อมต่อไปยังวังอาร์ชบิชอปแห่งลิมา พระราชวังแห่งนี้มีดีไซน์แบบโกธิกที่มีเดือยแหลมและหน้าต่างที่สร้างขึ้นอย่างประณีต นอกจากนี้สิ่งก่อสร้างต่างๆ ในยุคล่าอาณานิคมรวมไปถึงร้านค้าและร้านอาหารมากมาย
ซากปรักหักพังของปิระมิดของวัฒนธรรมลิม่าโบราณ ฮัวคา พุคยานา (Huaca Pucllana) อยู่ใกล้กับชายฝั่งตะวันตก ทางทิศใต้ของเมืองที่เขตเมืองใหม่มิราฟลอเรส (Miraflores) เราสามารถนั่งจากจตุรัศของเมืองไปได้ ระยะทางประมาณ 9 กิโลเมตร ฮัวคา พุคยานา ตั้งชื่อตามภาษา Quechua ซึ่งเป็นภาษาอเมริกาใต้พื้นเมืองหมายถึง “พิธีกรรมเพื่อความสำราญ” มีสถานที่โบราณหลายแห่งกระจัดกระจายอยู่รอบๆ ลิมาที่เรียกว่า Huacas สถานที่แห่งนี้มีลักษณะเป็นแบบพีระมิดโบราณอายุเก่าแก่กว่าพันปี สร้างขึ้นเมื่อประมาณคริสตศักราชที่ 200-700 จากดินเหนียวและอิฐดิบซึ่งเป็นการผสมผสานวัตถุดิบทางธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นทราย ดิน เหนียวและน้ำ มีประมาณ 7 ชั้นวิหารแห่งนี้ตั้งอยู่บนสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมพื้นที่ 12 เอเคอร์ (4.9 เฮกตาร์) มีจุดประสงค์หลักสำหรับทำกิจกรรมทางการเมืองและพิธีกรรมของกลุ่มชนเผ่า เพื่อบูชาพระเจ้า
ความมหัศจรรย์ของ มาชู ปิกชู
วิธีที่นิยมที่สุด จากลิม่าบินมากุซโซ คือใช้บริการบินของสายการบินภายในประเทศไม่ว่าจะเป็นลาแทม (LATAM), เปรูเวียนแอร์ไลน์ (Peruvian Airline,สตาร์เปรู (Star Peru) เป็นต้น ใช้เวลาบินประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งมีเที่ยวบินให้เลือกหลายช่วงเวลามากตั้งแต่เช้ามืดจนเย็นค่ำ สิ่งที่ควรต้องกังวลคือ เผื่อเวลาเพราะสายการบินภายในประเทศดีเลย์บ่อยมาก แนะนำให้เลือกการเดินทางช่วงเช้า และไปพักค้างคืนที่กุสโซ (Cusco) อีกสักคืน ก่อนจะรอขึ้นแล้วค่อยเลือกว่าจะนั่งรถไฟหรือรถทัวร์ไปยังเมืองอากวาส กาเลียนเตส (AguasCalientes) เมืองเล็กๆ กลางหุบเขาที่เป็นเมืองหน้าด่านก่อนถึงมาชู ปิกชู แล้วเดินต่ออีก 5 นาที ผ่านตลาดขายของที่ระลึก ข้ามสะพานก็จะเห็นสถานีรถบัส อยู่ใกล้กับแม่น้ำอารูบัมบา (Urubamba River) นั่งรถบัสขึ้นไปใช้เวลา 25-30 นาทีก็จะถึงปลายทางค่ารถบัสเที่ยวละ 12 USD แต่ถ้าใครจะเลือกเดินขึ้นก็ย่อมได้ทางเดินไม่คดเคี้ยวเท่าทางรถ แต่ใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมงโดยประมาณ
ตรงทางเข้า มาชู ปิกชู มีห้องน้ำ ร้านอาหาร แนะนำให้พกน้ำสัก 1-2 ขวดติดไป ขนมที่ให้พลังงานบ้างนิดหน่อยเนื่องจากที่นี่จำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวขึ้นต่อวัน ดังนั้นแนะนำให้จองตั๋วก่อน โดยตั๋วที่ขายจะมีสำหรับขึ้นรอบเช้า 06.00-12.00 น. และรอบบ่าย 12.00-17.00 น. ค่าตั๋ว 152 PEN หรือประมาณ 1500 บาท ถ้าพ้นกำหนดเวลาของตั๋วไม่สามารถเข้าได้มาชู ปิกชู เมืองสาบสูญแห่งอินคา (The Lost City of The Incas) เป็นซากอารยธรรมโบราณของชาวอินคา ที่เคยรุ่งเรืองในภูมิภาคอเมริกากลางระหว่างศตวรรษที่ 13-16 ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงกว่า 2,430 เมตรจากระดับน้ำทะเล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาแอนดีส
ด้วยความที่ มาชู ปิกชู ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงและยังไม่สามารถมองเห็นได้จากเชิงเขา จึงทำให้มันถูกซ่อนอยู่บนยอดเขาอย่างยาวนานหลังจากการล่มสลายของอาณาจักรอินคา อารยธรรมแห่งนี้ได้ถูกลืมไปถึง 3 ศตวรรษ ก่อนถูกค้นพบโดยนักโบราณคดีชาวอเมริกันไฮแรม บิงแฮม (Hiram Bingham) ในปี ค.ศ. 1911 ทำให้เมืองนี้กลับมาเป็นที่รู้จักของชาวโลกอีกครั้ง มาชู ปิกชู เป็นหลักฐานที่สำคัญของจักรวรรดิอินคา ใน ค.ศ.1983 ยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียน มาชู ปิกชู ให้เป็นแหล่งมรดกโลกและเมื่อวันที่ 7กรกฎาคม ค.ศ. 2007 มาชู ปิกชูได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่เล่ากันว่า มาชู ปิกชู ถูกสร้างโดยจักพรรดิปาชากูติ (Pachacuti) สร้างจากหินนำมาวางเรียงต่อกันตามความชันของภูเขาในลักษณะขั้นบันไดแต่ละชั้นสูง 3 เมตรมีจำนวนทั้งหมด 40 ชั้น ถูกเชื่อมถึงกันด้วยบันไดกว่า 3,000 ขั้น หินแต่ละก้อนมีความพิเศษคือถูกตัดอย่างประณีตจนเรียบเนียน สามารถนำมาต่อกันได้อย่างแนบสนิทและมีสิ่งก่อสร้างกว่า 200 หลัง เป็นสิ่งก่อสร้างที่น่าอัศจรรย์ใจบนเทือกเขาสูงเช่นนี้สำหรับเหตุผลของการสร้างยังไม่พบหลักฐานที่แน่ชัด โดยข้อสันนิษฐานต่างๆยังเป็นเพียงแค่ทฤษฎีเท่านั้น มีทั้งสร้างเพื่อเป็นที่หลบภัยของชาวอินคาจากการบุกรุกของนักล่าอาณานิคมชาวสเปน บ้างก็ว่าเป็นสถานที่บูชายัน, เป็นพระราชวังฤดูร้อนสำหรับจักรพรรดิและเหล่าราชวงศ์เสด็จแปรพระราชฐาน หรือสร้างเพื่อบูชาหุบเขา เพราะชาวอินคานับถือธรรมชาติ บ้างก็เชื่อว่าอาจจะเป็นอารามของนักบวชหญิง รวมทั้งอาจเป็นสถานที่จำลองตำนานกำเนิดโลกและจักรวาลตามคติความเชื่อของชาวอินคาได้อีกด้วย
สำหรับจุดน่าสนใจ ตัวอย่างเช่น
- ประตูหลัก (Main Gate) ที่จะมองเห็นยอดเขารูปนอแรดของฮัวนา ปิกชู (Huayna Picchu) หรือ ไวนาปิกชู (Wayna Picchu) เป็นยอดเขาสูงที่อยู่ด้านหลังมาชู ปิกชู ที่มีความสูง 305 เมตรเหนือศูนย์กลางและวังโบราณของมาชูปิกชู ว่ากันว่าภูเขาลูกนี้เป็นที่อยู่ของพระชั้นสูงและหญิงพรหมจรรย์
- เหมืองหิน (Rock Quarry) ที่มีวิวต้นไม้และภูเขายานันทิน(Mount Yanantin)
- ประตูสุริยะ (Sun Gate หรือ Inti Punku) จุดที่ได้ชื่อว่ามีวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุด จากทางเข้า มาชูปิกชูไปยังบริเวณประตูสุริยะใช้เวลาเดินประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง
- วิหารตรีบัญชร (Temple of the Three Windows)ตั้งอยู่ตรงกลางบริเวณป้อมหลัก เป็นสิ่งก่อสร้างที่มีช่องสามช่อง และสามารถมองเห็นวิวมาชูปิกชูผ่านทั้งสามช่องนี้ได้
- แท่นหินอินติฮัวทานา (Intihuatana) คาดกันว่าแท่นหินนี้ถูกใช้สำหรับบอกเวลา โดยตั้งอยู่ตรงจุดเหมาะเจาะของยอดเขาเพื่อใช้จับตำแหน่งของแสงอาทิตย์นั่นเองหินสไตล์ (Slide Rock) แผ่นหินเรียบลื่นเหมือนสไลด์ที่เห็นวิวของภูเขาปูตูคูซี (Putucusi mountain)
- วิหารพระอาทิตย์ (Temple of the Sun) วิหารที่สร้างขึ้นจากหินอันราบเรียบและต่อเรียงกันอย่างสนิท ต่างจากสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ของที่นี่ ที่สร้างขึ้นในแบบเฉพาะตัวจากหินก้อนเล็กๆ และจัดเรียงต่อกันโดยใช้โคลนยึดไว้
- วิหารนกแร้ง (Temple of the Condor) วิหารหินที่มีรูปร่างคล้ายกับนกแร้ง ด้านหลังวิหารคาดกันว่าคือคุกผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าวิหารนกแร้งคือสถานที่ตัดสินนักโทษและยังใช้เป็นแท่นบูชายัญด้วยแม้จะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 4-5 วันจากการเดินทางจากเมืองไทยไปถึงปากทางเข้ามาชู ปิกชู แต่ด้วยความสวยงามและความมหัศจรรย์ ผมเชื่อว่าสักครั้งในชีวิต คุณต้องยอมทุ่มเทเวลาและเดินทางมาที่นี่อย่างแน่นอน