สถานีต่อไป…ขุนตาน
story & photo by vacationist
ฉันเลือกเดินทางโดยรถไฟ แม้จะรู้ดีว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะช้ากว่าการขึ้นทะยานไปบนฟ้าเป็นสิบเท่า
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ยอมแลกเวลาทั้งหมดเพื่อได้ซึมซับบรรยากาศความสวยงามในยามเช้าของผืนป่า ทุ่งนาสีเขียว และธรรมชาติอันร่มรื่นริมสองข้างทาง
เช้าวันใหม่บนตู้นอนปรับอากาศแสนสบาย นอกจากการดูทัศนียภาพผ่านทางกระจก และเดินสำรวจรถไฟไปทั่วขบวนแล้ว
การได้มองดูอิริยาบถผู้คนก็เป็นความเพลิดเพลินราวกับว่ากำลังดูหนังเรื่องโปรดเรื่องหนึ่งอยู่ไม่นานนัก
หลังจากรถไฟวิ่งผ่านสะพานสองหอ สะพานสามหอ และสะพานคอมโพสิต ที่เชื่อมทางรถไฟกับหุบเขาลึก
การพักผ่อนที่น่ารื่นรมย์กำลังจะคืบคลานเข้ามา
เมื่อขบวนรถเคลื่อนที่ลอดผ่านอุโมงค์คอนกรีตที่ยาวที่สุดในประเทศอย่าง อุโมงค์ขุนตาน
มีเพียงฉันและเพื่อนสองคนเท่านั้นที่ลงจากสถานีนี้
ชาวต่างชาติที่ใช้บริการรถไฟส่วนใหญ่จะเดินทางไปต่อจนสุดสายที่สถานีเชียงใหม่ โดยที่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าที่ที่ฉันแวะนี้มันพิเศษอย่างไร ?
สถานีขุนตาน ถือเป็นสถานีรถไฟซึ่งอยู่สูงที่สุดในประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล
อยู่ในเขตแดนระหว่างจังหวัดลำพูน อำเภอแม่ทา และจังหวัดลำปาง อำเภอห้างฉัตร
มีเนื้อที่โดยรวม 159,556 ไร่ โดยมีบ้านพักตั้งอยู่ตามจุดยุทธศาสตร์ หรือ ย. ต่างๆ ด้านบนของเขาตรงหน้าฉัน
บรรยากาศโดยรอบของสถานีรถไฟขุนตาน เงียบสงบในยามที่มาถึง
ภาพถ่ายบันทึกเหตุการณ์สำคัญๆ มีติดไว้ในบริเวณสถานีรถไฟขุนตาน
ภาพเมื่อครั้งทำการขุดอุโมงค์ขุนตาน
การไปยัง ย. เราสามารถทำได้โดยการเดินเท้า หรือจ้างเหมาพี่ๆ ชาวบ้านให้ไปส่ง รวมไปถึงการจ้างหาบข้าวของ และอุปกรณ์ต่างๆ ที่นำมา ซึ่งสามารถขึ้นได้สูงสุดถึง ย.3 (จุดยุทธศาสตร์ที่ 3) ของอุทยานฯ ส่วนราคานั้นก็แล้วแต่จะตกลงกัน
อาจเพราะอารมณ์ฮึกเหิมในช่วงแรกของการเดินทาง เราส่งข้าวของให้พี่ชาวบ้านนำไปนอนรอก่อนที่ ย.1 (จุดยุทธศาสตร์ที่ 1) ซึ่งเป็นที่ตั้งของบ้านพักการรถไฟ แล้วค่อยๆ ก้าวตามหลัง ทางเดินช่วงกิโลเมตรแรกดูเดินง่าย
แต่สำหรับคนที่วิ่งเฉพาะในเวลางาน ไม่เคยออกกำลังกายเลย ทางแคบๆ และค่อนข้างชัน บวกกับต้องไต่ขึ้นๆ ไปตลอดทาง ก็เหนื่อยเอาการเหมือนกัน
อาศัยแวะชมนก ชมไม้ ชมดอกเห็ดที่โผล่แทรกขึ้นจากพื้นปูน สูดอากาศสดชื่นแกล้มเป็นพักๆ
ในที่สุดฉันก็มาถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล ถนนแบ่งเขต 2 จังหวัด แค่ก้าวข้าม
จากที่ทำการฯ เราติดรถเจ้าหน้าที่ที่จะขึ้นมาทำธุระแถว ย.1
ก่อนผ่านบ้านพักสีเหลืองหลังใหญ่ของกรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ที่เคยใช้เป็นที่ประทับแรมระหว่างการก่อสร้างอุโมงค์
ถัดจากนั้นมาเพียงร้อยเมตร เบื้องหน้าของพวกเราคือคำตอบ บังกะโลขุนตาน หลังที่ 3 ขนาดของบ้านเหมาะสำหรับการมาเป็นครอบครัว ด้วยสองห้องนอน สองห้องน้ำ
พร้อมกั้นแบ่งส่วนครัวไว้ประกอบอาหาร
ตู้ เตียง โต๊ะ ทุกอย่างล้วนทำจากไม้เนื้อดี และเป็นของเก่าแทบทั้งสิ้น
มีระเบียงกว้างยื่นออกไปในหุบเขา วิวเบื้องหน้าสวยงามจับใจ มนตราแห่งป่าสะกดเราให้มองเพลินเสียจนลืมเวลา
แม้ไฟฟ้าจะปั่นให้ใช้ในเวลาหกโมงเย็นจนถึงเที่ยงคืน แต่ทุกอย่างมันก็มากเพียงพอแล้ว สำหรับพวกเราในค่ำคืนแรก
เสียงนาฬิกาปลุกจากมือถือดังขึ้นตอนตีสาม พวกเราออกเดินทางผ่านความมืดของรัตติกาล เพื่อไปรับแสงแรกยามเช้าที่ปลายดอย มีลำแสงจากกระบอกไฟฉายนำทาง และสาวร่างบางเดินตามรั้งท้าย ทางเดินของป่ามีทั้งกว้าง และแคบสลับไป ฝีเท้าย่ำตามป้ายบอก ที่ไล่ระดับความสูงจากน้ำทะเลขึ้นไปทีละนิด
จาก ย.1 มุ่งตรงไปที่ ย.2 ใช้ระยะเดินทางประมาณ 1,000 เมตร บริเวณ ย.2
เป็นส่วนของบ้านพักตากอากาศ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช มีทั้งสวนดอกไม้ และสวนผลไม้เมืองหนาว
เพื่อแข่งกับเวลา ฉันออกเดินทางต่อทันที ตั้งใจว่าจะกลับมาสำรวจอีกครั้งตอนขากลับ จาก ย.2 เลาะไปตามทางเดินป่า อีกราวๆ 3,300 เมตร จึงเข้าเขต ย.3 ซึ่งเป็นส่วนของบ้านพักมิชชั่นนารีอเมริกันคริสตจักร ที่มาสร้างบ้านพักภายหลังที่มีการสร้างทางรถไฟเสร็จ ที่พักซึ่งแทรกอยู่ท่ามกลางดงสน และอยู่ด้านหลังของกำแพงอิฐแดง ที่ก่อสูงราวสองเมตร
หลังหยุดพักดื่มน้ำ เหลือระยะทางเดินเท้าอีกแค่กิโลเมตรครึ่ง ก็จะถึง ย.4 ฉันกำลังจะเดินไปที่ยอดดอย
ที่ที่สูงจากระดับน้ำทะเล 1,373 เมตร และอดีตใช้เป็นที่ส่องกล้องดูความเคลื่อนไหวของจังหวัดลำพูน และลำปางในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
โดยระยะทางจาก ย.3 ขึ้นไปที่ ย.4 นั้น ทางขึ้นเขาจะชันมากเป็นพิเศษ
ซึ่งหากผ่านมาถึงเนินวัดใจ แสดงว่าคุณใกล้ถึงจุดสูงสุดของยอดเขา
ฝนพรำๆ ทันทีที่ก้าวขึ้นปลายดอย เสมือนต้อนรับแขกหน้าใหม่ เราเฝ้าลุ้นและรอเวลาที่ดวงอาทิตย์ตื่นนอน
ท้องฟ้าที่มืดมิดขณะนี้ได้กลืนกินสายฝนจนเหือดหาย มีเพียงแสงแรกแห่งรุ่งอรุณปรากฏท่ามกลางหมอกหนาเบื้องหน้า เป็นภาพที่งดงามยิ่งนัก
ขากลับ หมอกจางยังคงลอยบางๆ อยู่เบื้องหน้า เสมือนเดินอยู่ในดินแดนแห่งความฝัน
มีกลิ่นหอมของดอกไม้ป่าตามติดจมูก มีเสียงธรรมชาติ ทั้งเสียงนกร้อง เสียงน้ำไหล เสียงลมพัดใบไม้ไหว เสียงมด เสียงแมลงเดิน เป็นเพื่อนพูดคุยตลอดเวลา
ยังมีน้ำตกตาดเหมย ระหว่างทางไป ย.3 และ ย.2 ที่ต้องเดินลงไปในหุบเขาแม่ยอนหวาย ประมาณ 1,500 เมตร น้ำตกแห่งนี้ถือเป็นน้ำตกแห่งเดียวในเขตอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาลอีกด้วย
หลังจากหลับไปพักใหญ่ เพราะหมดแรงกับการเดินขึ้นเดินลงป่ากว่าสิบกิโลเมื่อเช้า ตอนนี้ยังมีเวลาเหลือพอที่จะทำอะไรๆ ได้อีกหลายอย่าง ทั้งทำอาหารให้ตัวเองกิน อ่านหนังสือเล่มโปรดสักสองสามเล่ม ชมพฤกษ์ไพร อาบแดด และจบลงที่การนอนดูดาวริมระเบียง
ข้อดีของการได้มาเที่ยวในช่วงวันธรรมดา คือโลกนี้เป็นของเรา
ค่ำคืนนั้นฉันกล่าวอำลากับหมู่ดาวเต็มท้องฟ้า สูดกลิ่นหอมของป่า และโอโซนอันบริสุทธิ์ ยามสุดท้ายเมื่อลมลู่กิ่งสนให้พริ้วไหว ยามนั้น ฉันได้บันทึกความสุขทั้งหมดเก็บไว้ในกล่องแห่งความทรงจำแล้ว
อุโมงค์ขุนตาน ซึ่งเป็นอุโมงค์รถไฟที่ยาวที่สุดในประเทศไทย และขุดด้วยมนุษย์ มีความยาวถึง 1.3 กิโลเมตร เริ่มก่อสร้าง เมื่อ พ.ศ. 2450 สร้างเสร็จใน พ.ศ. 2461 รวมระยะเวลาก่อสร้าง 11 ปี ใช้งบประมาณ 1.3 ล้านบาท โดยการรถไฟหลวงแห่งกรุงสยาม ที่มีพลเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยาการ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธินเป็นผู้บัญชาการ และมีนายช่างชาวเยอรมันชื่อ เอมิล ไอเซนโฮเฟอร์ เป็นผู้ควบคุมการก่อสร้างทั้งหมด ปากอุโมงค์ด้านทิศเหนือ หรือด้านสถานีรถไฟขุนตาน ก่อด้วยอิฐสีแดงเข้ม ติดตราครุฑที่เหนืออุโมงค์ด้านบน และปากอุโมงค์ด้านนี้สูงกว่าด้านใต้ 14 ม. เพื่อระบายน้ำฝน เจาะผ่านภูเขาในเทือกเขาผีปันน้ำ