รื่นรมณ์ ที่ เดอะ แฮมเล็ท
รื่นรมณ์ ที่ เดอะ แฮมเล็ท
Story & Photo by หมูหวาน
ดอกเวอร์บิน่าสีม่วงชูช่อแข่งกับเฟิร์นและพืชตระกูลหญ้า กวาดสายตาเลยพุ่มดอกเข็มอินเดียสีชมพู มองเห็นไฮเดรนเยียสีม่วงกระจุกเล็กๆบานหลงฝูงอยู่ตรงพุ่มกล้วยไม้ที่ไร้ดอก ใครชื่นชอบบรรยากาศแบบหมู่บ้านเล็กๆ จัดสวนแบบอังกฤษ ขอแนะนำร้านที่มีชื่อว่า เดอะ แฮมเล็ท (The Hamlet) ที่มองเผินๆ เหมือนป่าที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใบหญ้าทว่าแฝงด้วยความตั้งใจ คาดว่าคนรักต้นไม้คงเดินหลงเสน่ห์อยู่ในผืนป่าเล็กๆก่อนจะเดินไปจนถึงตัวอาคารของร้านอาหารเป็นแน่แท้
ป๊อป-ฐานวัฒน์ สุวินัย พฤษเบ็ญจะ เจ้าของร้าน เล่าว่าเขาคล่ำหวอดอยู่ในวงการร้านอาหารมานาน เคยทำทั้งอาหารไทย ญี่ปุ่น อิตาเลียน ก็เลยคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะนำอาหารทุกประเภทมาอยู่รวมกัน จึงตั้งชื่อว่า The Hamlet หมายถึงหมู่บ้านเล็กๆ จึงจำลองให้มีบ้านหลายๆหลัง สไตล์ต่างกัน เช่นหลังแรกติดถนนเป็นร้านกาแฟ ถัดไปเป็นโซนอาหารญี่ปุ่น ไล่ไปโซนอาหารไทย และอาหารอิตาเลียน
“ เหมือนเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ มีบ้านเล็กๆ หลายๆบ้าน ก็เลยมีทั้ง ร้านกาแฟ ร้านอาหารไทย ญี่ปุ่น อิตาเลียน มีสถานที่สำหรับทำเวิร์คช้อปการจัดดอกไม้ การจัดสวน การจัดสวนถาด ขายของแต่งบ้าน ของแต่งสวนอีกด้วย ชั้น 2 จะทำเป็นสถานที่สำหรับจัดอบรมสัมนา ผมอยากจะทำให้เป็นหมู่บ้านที่ร่มรื่น เข้ามาก็จะเจอกับสวนก่อน ที่นี่เรารับจัดงานแต่งงานด้วยนะครับ เพราะตอนนี้คนเริ่มเบื่อการจัดงานแบบเดิมๆ เปลี่ยนเป็นจัดงานในสถานที่เก๋ๆ ถ้าจัดงานที่นี่ผมจะดีไซน์ให้เป็น Long Table จัดโต๊ะยาวจากสวนไปจนสุดทางเข้าร้าน หางแถวจะตวัดเข้าไปในตัวห้องอาหาร กลุ่มวัยรุ่นก็นั่งโต๊ะยาว ผู้ใหญ่ก็อยู่ในแต่ละห้อง ซึ่งห้องอาหารไทยเราชื่อว่าห้องไมตรี ภาษาอังกฤษชื่อ My Tree ส่วนญี่ปุ่นเป็นโอเพ่นแอร์เชื่อมกับสวน”
คุณป๊อปว่าโซนลานจอดที่มีไม้พุ่มสวยงาม พื้นโรยด้วยหินกรวดก้อนกลมๆจะถูกเนรมิตให้กลายเป็นพิธีรดน้ำสังข์ในสวน เขาว่าการจัดงานแต่งแบบไทยๆนั้นมีเสน่ห์แต่ปราบเซียนมักถ่ายภาพยากออกมาไม่สวยเหมือนถ่ายงานแต่งในโบสถ์คริสต์ดังนั้นต้องมีการมาร์คกิ้งจุดที่ชัดเจน จัดสถานที่สวย ภาพที่ออกมาก็จะสวยตามต้องการ
“เรารับแขกได้เต็มที่ 400 งานแต่งสมัยนี้เขาเชิญแขกกันเต็มที่ 300 คิดว่าเรารองรับได้สบาย ห้องอาหารญี่ปุ่นเราตกแต่งแบบโอเพ่นแอร์ ใช้ไม้สนให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ เหมือนเราทานอาหารในทุ่งดอกไม้ ส่วนอาหารไทยให้ความรู้สึกเหมือนเราหิ้วปิ่นโตใส่อาหารไทยไปแกะรับประทานในพระราชวังแวร์ซาย อยากให้คนมีอารมณ์ประมาณนั้น ถ้านั่งทานอาหารไทยแล้วมองไปเจอลายกนกก็คงจะธรรมดาไป ส่วนอาหารอิตาเลียนทานที่เรือนกระจก เหมือนอยู่ในโรงงานอุตสาหกรรมนิดหนึ่ง ร้านกาแฟจะอยู่ด้านหน้าของร้าน อยากให้คนที่เข้าไปแล้วรู้สึกได้ถึงอารมณ์อาร์ติสท์ เข้าไปแจมประสบการณ์ การใช้ชีวิตแบบอาร์ติสท์ แต่ทั้งนี้ถ้าเรานั่งร้านไหนก็สามารถสั่งอาหารได้เหมือนกัน ”
อาหารญี่ปุ่นที่เสิร์ฟในร้านส่วนใหญ่จะเป็นอาหารแบบครัวเย็นเช่น ซูชิ ซาชิมิ อาหารไทยจะมีครบเต็มรูปแบบ เสิร์ฟมาหน้าตาอาหารสวยงามจัดแบบฟิวชั่น ทว่ารสชาติอาหารไทยแท้แบบไม่ออมมือ ส่วนอาหารอิตาเลียนเป็นแบบออลิจินอล เช่นพิซซ่า สปาเก็ตตี ผักโขมอบชีส ฯลฯ
“ ร้านนี้เพิ่งเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 9 ธันวาคมปี2558 อยากให้เป็นร้านของครอบครัว ตอนนี้กลายเป็นที่โชว์แขกบ้านแขกเมือง เช่นข้าราชการผู้ใหญ่พาแขกต่างชาติมาทาน เราก็รู้สึกภูมิใจว่าเป็นหน้าเป็นตาได้ เราเปิดตั้งแต่ 10.30 น. ไปจนถึง 22.30 น. ตอนนี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวไปแล้วด้วยนะครับ เสาร์อาทิตย์พาครอบครัวมาทานอาหารมีเด็กมาวิ่งเล่นในสวน ผมอยากให้เป็นที่ๆคนชอบมาถ่ายรูป มาถ่ายแบบกัน ”
เมนูแนะนำของทางร้านเริ่มที่จานเรียกน้ำย่อยอย่าง แซลมอนแซบ ราคา 180 บาท ขอบอกว่าขาแซบไม่ควรพลาดเพราะน้ำจิ้มซีฟู้ดเขาแซบเวอร์ เผ็ดจี๊ดจ๊าดโดนใจจริงๆ
อีกจานเป็นอาหารไทยก็คือ ปูนิ่มผัดพริกเกลือ ราคา 280 บาท แปลกตรงที่เชฟครัวไทยเขาใส่รากบัวทอดกรอบมาด้วย ถือว่าเป็นการเพิ่มเสน่ห์ให้กับอาหารจานนี้ได้เป็นอย่างดี ปูนิ่มขนาดตัวกำลังดีชุบแป้งทอดจนกรอบก่อนที่จะนำมาผัดรวมกับเครื่องสมุนไพรอย่างเช่น พริกไทยสด กระชาย พริกแห้ง ฯลฯ รับประทานกับข้าวญี่ปุ่นร้อนๆเข้ากันได้ดีเลยทีเดียว
กุ้งแม่น้ำย่างซอสมะขาม จานละ 300 บาท ถือว่าไม่แพง ร้านนี้ทุกเมนูกุ้งแม่น้ำจะขายราคานี้ กุ้งแม่น้ำสดเนื้อเด้ง พ่อครัวย่างกุ้งมาจนหอมกรุ่น วางบนกระหล่ำปลีฝอย โรยหน้าด้วยกลีบกระเทียมฝานทอด เสิร์ฟมากับซอสมะขามที่ปรุงมากลมกล่อมอร่อยโดนใจ หากมีโอกาสไปเยือนร้านนี้อีกคงต้องสั่งซ้ำแน่ๆ
เจ้าของร้านนำเสนอเมนูอื่นๆในครัวเย็นสไตล์ญี่ปุ่นก็คือ ซูชิเซ็ต ที่เสิร์ฟพร้อมปลาดิบราคา 490 บาท และยังมีเมนูที่ถูกใจคนรักปลาทูน่าชื่อ ทูน่าทาร์ทา ใครที่เป็นคออาหารญี่ปุ่นลองสั่งทานกันได้เลย ส่วนอาหารอิตาเลียน ขอนำเสนอ ปลากระพงกับซอสไวน์ขาว เสิร์ฟมากับมันบด ผักโขม โรยหน้าด้วยมะเขือเทศเชอรี่ มะกอกดำ เคปเปอร์ฝาน และเลมอนผ่าซีก
ต้องการดื่มด่ำกับบรรยากาศดีๆ ท่ามกลางสวนอังกฤษเชิญได้ที่ร้าน เดอะ แฮมเล็ท อยู่ที่ถนนพหลโยธิน 7อารีย์ ซอย 3 เปิดบริการทุกวันตั้งแต่เวลา 10.30-22.30 น. โทร. 02-270-3341