วันสบายๆ ที่ GAMAGORI
Story & Photo by Orawan
กามาโกริ (Gamagori) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในจังหวัดไอจิ (Aichi) อาจจะฟังไม่คุ้นหู แต่ถ้าบอกว่าเป็นเมืองที่มีเมืองหลักอย่างนาโกย่า (Nagoya) และมีท่าอากาศยานนานาชาติชูบุเซ็นแทรร์ (Chubu Centrair International Airport) เป็นท่าอากาศยานหลักแล้วละก็คงพอคุ้นเคยกันบ้าง
จากตัวเมืองนาโกย่า เราโดยสารรถไฟสาย Tokaido ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็ถึงสถานีกามาโกริ (Gamagori) แล้ว สำหรับเมืองกามาโกริเองเป็นเมืองที่มีชายฝั่งด้านหนึ่งติดอยู่กับทะเลถึง 2 คาบสมุทรทั้งคาบสมุทรอะสึมิ (Atsumi) และคาบสมุทรชิตะ (Chita) หลายคนเดินทางมาที่นี่เพื่อที่จะแช่ออนเซ็นไปพร้อมกับชมวิวทะเลไปด้วย
อีกหนึ่งไฮไลต์หลักของเมืองนี้คือ การชมสวนผลไม้และเก็บส้มมิคัง (Unshu Mikan) หรือที่ต่างชาตินิยมเรียกว่า ส้มซัทสึมะ (Satsuma Mandarin – Satsuma Orange) ซึ่งเป็นส้มตระกูลเดียวกับส้มแมนดารินนั่นเอง
ส้มที่นี่เนื้อแน่น ปอกเปลือกง่าย ไม่มีเมล็ดและรสเปรี้ยวอมหวานเป็นส้มที่มีชื่อเสียงมากในประเทศญี่ปุ่น ที่เมืองกามาโกริ มีสวนที่ปลูกส้มแห่งนี้อยู่ห่างจากสถานีรถไฟกามาโกริประมาณ 4 กิโลเมตรเป็นสวนที่ตั้งอยู่ชิดติดกับแนวภูเขา ชื่อว่า สวนส้ม กามาโกริ (Gamagori Orange Park) ที่สวนปลูกส้มไล่เรียงไปตามแนวเขาขึ้นไป
ต้นส้มไม่สูงมากนักสามารถเก็บและกินสดๆ ได้จากต้นเลยทีเดียว สำหรับฤดูกาลที่เปิดให้เก็บได้ อยู่ในช่วงเดือนตุลาคม – ธันวาคมของทุกปี ค่าบริการอยู่ที่ 1,350 เยน (สามารถรับประทานได้แบบไม่อั้นและเก็บกลับบ้าน ได้ 1 ตะกร้าเล็ก)
แต่ถ้าคุณมาช่วงเวลาอื่นก็ไม่ต้องเสียใจ มีผลไม้อื่นๆ หมุนเวียนให้เก็บได้ตลอดทั้งปี
อย่างช่วงที่เราเดินทางมาเป็นเดือนมกราคมถึงเดือนพฤษภาคมซึ่งเป็นหน้าของสตรอว์เบอร์รีราคาก็จะเริ่มต้นที่ประมาณ 1,296 เยน ช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนกันยายนจะเป็นหน้าของเมล่อนกับองุ่น เป็นต้น
และมีส้มพร้อมผลิตภัณฑ์ที่ทำจากส้มจำหน่ายที่ร้านค้าของสวนอีกด้วย เวลาเปิด-ปิด : 09.00 – 17.00 น.
จากสวนส้มเราเดินทางกันต่อไปยังริมอ่าว Mikawa ซึ่งมีสถานที่น่าสนใจหลายจุด จุดแรกคือ พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์ความรู้ชายฝั่งทะเล (Seaside Literary Memorial Museum หรือ Umibe No Bungaku Kinenkan)
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นอาคารทรงยุโรป แต่ภายในกลับมีห้องตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นแบบเรียวกัง สร้างอุทิศให้กับนักเขียนที่ชื่อ Yasunari Kawabata ผู้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม Kiichiro Hirano
ภายในมีของสะสมและผลงานทางวัฒนธรรมหลายชิ้น
สำหรับคนที่ต้องการผ่อนคลายแนะนำให้สั่งชามานั่งจิบพร้อมชมวิวท้องทะเลไปได้ในคราเดียวกัน ผ่อนคลายไม่ใช่น้อย อีกหนึ่งไฮไลต์ที่น่าสนใจ กิจกรรมที่เรียกว่า “The Time Letter” (Toki-tegami) ซึ่งคุณสามารถโพสต์จดหมายถึงตัวเองซึ่งจะได้รับในอีก 1-10 ปี ในอนาคตอีกด้วย
ที่นี่เข้าชมฟรี เปิดให้เข้าได้ทุกวันยกเว้นวันอังคาร ตั้งแต่ 09.00-17.00 น. (บริการชาและโพสต์จดหมายปิดเวลา 15.30 น.)
มองออกไปนอกหน้าต่างของพิพิธภัณฑ์ คุณจะเห็นวิถีชีวิตของผู้คนที่มากินลมชมวิวกันริมอ่าว พร้อมทำกิจกรรมที่หลากหลายบ้างก็เดินจูงสุนัขเดินเล่น บ้างก็นั่งวาดรูป
แต่ก็มีบางคนเดินข้ามสะพานที่ทอดยาวกว่า 387 เมตรไปยัง เกาะทาเคชิมะ (Takeshima Island) ที่อยู่ใจกลางทะเล สร้างขึ้นเพื่อสักการะเทวีแห่งปัญญาความรู้ (Benzaiten) ซึ่งตั้งอยู่ศาลเจ้ายาโอะโทมิ (Yaotomi Shrine) บนเกาะนั้นเอง
เดิมยังไม่มีการสร้างสะพานต้องพายเรือข้ามไปสักการะ
ต่อมามีเศรษฐีท่านหนึ่งได้สร้างสะพานอุทิศให้ ทำให้ผู้คนสามารถเดินทางไปได้สะดวกยิ่งขึ้น
และมีความเชื่อกันมาว่าถ้าคู่รักหรือสามีภรรยาเดินจูงมือกันข้ามสะพานแห่งนี้ไปด้วยกันจะพบแต่ความสุขความโชคดี
นอกจากนี้ในช่วงฤดูหนาวยังสามารถมองเห็นฝูงนกอพยพจากหมู่เกาะไซบีเรียได้อีกด้วย
ปิดท้ายที่เที่ยวริมทะเลที่ไม่ควรพลาดกันที่ ลากูน่า เทน บอช (Laguna Ten Bosch) สวนสนุกสไตล์รีสอร์ตที่รวบรวมเครื่องเล่นหลากหลายชนิดที่ไม่ว่าผู้ใหญ่ก็เล่นได้ เด็กก็เล่นดี ไว้อย่างครบครัน
ที่นี่แบ่งเป็นโซนต่างๆ นอกจากโซนเครื่องเล่นที่มีเครื่องเล่น ทั้งแบบโลดโผน และแบบเบาๆ นอกจากนี้ยังมีโซนสวนดอกไม้ (Flower Lagoon)
ที่จัดพื้นที่ให้เป็นสวนสวยด้วยดอกไม้หลายสายพันธุ์ตกแต่งตลอดแนวทางเดิน
หากมาในช่วงกลางคืนจะมีการจัดแสง สี สวยงามมาก
หรือส่วนของห้างสรรพสินค้าที่เรียกว่า เฟสติวัลมาร์เก็ต (Festival Market)
ที่มีทั้งสินค้าของที่ระลึกและศูนย์อาหารที่มีอาหารทั้งทะเลแบบสดและปรุงสำเร็จให้เลือกได้ตามใจชอบ
ช่วงกลางคืนก็มีการจัดแสดง Laguna Illumination & 3D Mapping แบบ 360 องศา แบบสุดอลังการอีกด้วย ราคาเข้าชมเริ่มตั้งแต่ 2,250 เยน หากต้องการเล่นเครื่องเล่นได้อย่างเต็มอิ่มก็สามารถ ซื้อแบบ 4,350 เยนได้
และที่ห้ามพลาดคือใกล้ๆ กันนั้น มีเรือ Thousand Sunny เรือโจรสลัด จากการ์ตูนชื่อดังเรื่อง ONE PIECE ที่เปิดให้สาวกการ์ตูนชื่อดังได้เข้าไปชมภายในเรือ และถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
ไปสัมผัสสายลมจากท้องทะเลที่ให้ความรู้สึกเหมือนเราเป็นหนึ่งในพลพรรคของ เหล่า ONE PIECE ที่นี่มีรถชัตเติลบัส (บริการฟรี) จากสถานีกามาโกริใช้เวลาประมาณ 20 นาที เท่านั้น
หลายคนอาจจะไม่เชื่อว่าเวลาเพียง 1 ชั่วโมง จากเมืองท่องเที่ยวหลายแห่งยังมีเมืองที่น่าสนใจ อีกหลายแห่งให้คุณได้สัมผัสและใช้วันพักผ่อนแสนสบายอีกมากมาย เดินทางไปญี่ปุ่นครั้งต่อไป ลองหาเมืองทางเลือกเช่นนี้ดู