Egypt : The Gift Of The Nile

Story & Photo by Twin Traveller

แม่น้ำไนล์ ที่รู้จักกันในนามสายน้ำแห่งอารยธรรมอียิปต์ เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของชีวิต การเกิดใหม่ และความเป็นอมตะของชาวอิยิปต์โบราณ เรื่องราวเกี่ยวกับแม่น้ำไนล์นั้นมีความเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์และอารยธรรมอียิปต์ติดต่อกันมาเป็นหลายร้อยปี อียิปต์เป็นดินแดนกันดารฝน แต่ได้รับการหล่อเลี้ยงจากแม่น้ำไนล์ ทำให้แม่น้ำสายนี้มีอิทธิพลและความสำคัญเป็นอย่างมาก คล้ายกันกับแม่น้ำเจ้าพระยาของเราที่มีความสำคัญเปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่สำหรับภูมิภาคกลางของประเทศไทย แม่น้ำนั้นจะช่วยให้การส่งเสริมการเพาะปลูก การคมนาคม วิถีชีวิต และการท่องเที่ยว ดังนั้นแม่น้ำไนส์คงเป็นเสมือนของขวัญของคนอียิปต์เลยทีเดียว ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้เราเริ่มออกเดินทางเพื่อค้นหาความหมายและคุณค่าของแม่น้ำไนส์กัน

การเดินทางไปอียิปต์อาจจะสามารถเดินทางได้ด้วยสายการบินหลากหลายสายการบินแต่เราเลือกที่จะใช้บริการสายการบินอียิปต์แอร์ สายการบินชั้นนำให้บริการแบบฟูลเซอร์วิส (full service) ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ใช้ช่วงเวลาแรกของวัน ใช้เวลาประมาณ 9 ชั่วโมงก็เดินทางมาถึงสนามบินนานาชาติเมืองไคโร ประเทศอียิปต์ แต่เนื่องจากเวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง ทำให้เราได้มาเห็นแสงแรกของวันที่สนามบินไคไรพอดี เป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่สุดพิเศษก็ว่าได้

ไคโร (Cairo)

ความรู้สึกแรกเมื่อเราก้าวเท้าลงจากเครื่องบิน คือความรู้สึกที่ว่า..ในที่สุด เราก็ได้ยืนบนผืนแผ่นดินแห่งกรุงไคโร ประเทศอียิปต์แล้ว!! นับว่าเป็นประเทศในฝันเลยนะ เป็นหนึ่งในจุดหมายที่อยากจะมาเห็นกับตาด้วยตัวเอง

เมื่อก่อนเราเห็นผ่านจากหน้าจอทีวี พวกหนังต่างๆ ที่เกี่ยวกับอารธรรมอียิปต์ อย่างอินเดียน่าโจนส์ ที่เราจะเห็นปิรามิดกิซ่าที่ยิ่งใหญ่ และแม่น้ำไนล์ที่มีสีสันสวยงาม วันนี้เราจะได้ไปสัมผัสจริงๆ แล้ว หลังจากเรียกรถจากสนามบิน เข้าที่พักเก็บของเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เรียกใช้รถแท็กซี่บริการแบบเหมาวันเลย

พิพิธภัณฑ์อียิปต์ (Egyptian Museum)

คือสถานที่แรกที่เราจะเริ่มเที่ยวในวันนี้กัน และบอกเลยว่าเป็นที่ที่ควรต้องมาให้ได้ กากบาทรูปดาวไว้ในแผนการเดินทางเลย

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ มีมัมมี่ มีวัตถุโบราณ มีเครื่องทอง เครื่องใช้ต่างๆ ในสมัยก่อนให้ดูชมกัน มีโลงศพเยอะมาก และน่าทึ่งมาก โดยค่าบัตรเข้าชม ราคาอยู่ที่ 75 EGP ก่อนเข้าพิพิธภัณฑ์ ก็จะมีไกด์มาเสนอแพคเกจทัวร์ พาเดินชม และเล่าประวัติต่างๆ ภายใน

ส่วนใครอยากเดินชมเองก็ได้ไม่ได้บังคับ ควรให้เวลาในการเดินชมในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้อย่างต่ำไม่น้อยกว่า 2-3 ชั่วโมง แต่ถ้าคนที่ชอบพิพิธภัณฑ์ ประวัติศาสตร์ โบราณคดีแล้วละก็ทั้งวันก็ไม่พอ เพราะมีหลายห้องให้เดินชมและมีสิ่งน่าสนใจเยอะมาก (เติม ก.ไก่ ไปเยอะๆ)

หมู่พีระมิดแห่งกิซ่า (Giza Pyramid Complex).

หมู่พีระมิดแห่งกีซ่าประกอบด้วยพีระมิดเมนคูเร (Menkaure) ขนาดเล็กที่สุดและเก่าแก่น้อยที่สุด พีระมิดคาเฟร (Khafre) ตั้งอยู่ตรงกลางของพีระมิดทั้ง 3 และสร้างอยู่บนพื้นที่สูง ทำให้มีขนาดใหญ่จนหลายคนเข้าใจผิดที่นี่คือ พีระมิดคูฟู (Khufu) หรือ มหาพีระมิดแห่งกิซ่า (The Great Pyramid of Giza) ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่สุดในหมู่พีระมิดแห่งกิซ่าแห่งนี้ ค่าเข้าชมอยู่ที่ 200 EGP พอเข้ามาแล้วก็จะเจอคนขี่อูฐมาชักชวนให้ลองขี่ดูมั้ย? ถ้าเราตกลงตามราคาที่เสนอ คนขี่อูฐก็จะพาเดินชมรอบๆ ปิรามิด พาไปถ่ายรูปตามจุดต่างๆ แต่ถ้าหากใครกลัวการขี่อูฐ ก็สามารถเดินชมเองได้เช่นกัน แถวๆ ปิรามิดมีโซนตั้งขายของที่ละลึกให้เลือกชื้อกัน รวมถึงน้ำดื่มแก้กระหายด้วย เพราะตอนที่ไปนั้นแม้จะช่วงเย็น แต่ก็อากาศร้อนพอสมควร

นอกจากการขี่อูฐแล้ว ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอยู่อย่าง คือ “พีระมิดคูฟู” ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น “มหาพีระมิด” ใจกลางเป็นห้องเก็บพระศพ สามารถลงไปชมด้านในได้ แต่ต้องซื้อตั๋วแยกกับตั๋วตรงทางเข้าด้านหน้าทางเข้า พีระมิดของฟาโรห์คูฟูที่รายล้อมด้วยหลุมศพ และพีระมิดขนาดเล็ก ซึ่งเป็นของสมาชิกในพระราชวงศ์และขุนนางที่มียศสูงซึ่ง ถือได้ว่าเป็นกษัตริย์ที่โหดร้าย และใช้แรงงานทาสเป็นจำนวนมหาศาล ในการก่อสร้างมหาพีระมิดที่ยิ่งใหญ่หลังนี้ แม้จะรู้สึกสะท้อนใจแต่ก็อดไม่ได้กับสิ่งทีได้สร้างมา

สุเหร่าโมฮัมเหม็ดอาลี  (Mosque of Muhammad Ali)

เราเริ่มต้นเช้าวันใหม่กันที่ สุเหร่าโมฮัมเหม็ดอาลี  ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งเลย ที่ห้ามพลาด เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นิยม และมีวิวที่สวยงาม เพราะสถานที่ตั้งอยู่บนเนินสูง    สามารถมองเห็นเมืองไคโรได้อย่างสวยงาม

ภายในก่อนเข้าเขาให้ถอดรองเท้าด้วยนะ ข้างในเป็นพรม มีไฟแขวนเป็นระย้าลงมาสวยงามจับใจมาก ด้านบนมีหลายโดมดูแปลกตา ผนังด้านหลังตัวแท่นบูชา เป็นหินอ่อนลวดลายสวยงาม เราชอบดูรายละเอียดบนผนังมาก มันมีรายละเอียดให้เราได้ดื่มด่ำและชื่นชอบ

ที่นี่มีคนอียิปต์มาเดินเที่ยวกันเยอะแยะมากมาย บ่อยครั้งมักจะโดนทักทายจากเด็กๆ และจากผู้ใหญ่ บางคนก็ขอเข้ามาถ่ายรุปด้วย ยิ้มให้ หรือเข้ามาทักทายคนอียิปต์มีความเป็นมิตร และนิสัยดีมาก คงเป็นเพราะไม่ค่อยได้เห็นนักท่องเที่ยวชาวเอเชียด้วยมั่ง เลยให้ความสนใจเป็นพิเศษ

สถานีรถไฟไคโร (Cairo Railway Station – Ramses Station)

สถานีรถไฟในเมืองไคโร เป็นสถานีหนึ่งที่ชอบมากเป็นสถานีรถไฟที่เก่าแก่ และใหญ่โตใช้ได้เลย ตกแต่งสีสันสวยงาม สถานีนี้เป็นสถานีรถไฟหลักคล้ายกับหัวลำโพงบ้านเราที่เป็นจุดเริ่มต้นไปยังเมืองต่างๆ ในประเทศอียิปต์ การหาชานชาลารถไฟไม่ยาก ตรงกลางอาคารจะมีกระดานบอกตารางรถไฟเป็นภาษาอังกฤษ มีเวลาหมายเลขบขบวนรถไฟและชานชาลาอย่างชัดเจน ถ้าเอาให้แน่นอน จะมีเจ้าหน้าที่ให้ถาม อยู่ตรงทางเข้าด้านใน ชานชาลามีห้องน้ำ ร้านอาหาร ขายขนม ชา กาแฟพร้อม สะดวกแก่การเดินทางมากๆ เป็นสถานีที่มีความปลอดภัย ทุกทางเข้าจะมีเครื่องเอกซเรย์ทุกทางเข้าออก ต้องเผื่อเวลาหน่อยในช่วงเวลาเร่งด่วน เราใช้บริการสถานีเดินทางตรงไปยังเมืองอัสวาน (Aswan) ใช้เวลาเกือบ 24 ชั่วโมงเลยทีเดียว เราเดินทางตอนเที่ยงคาดว่าจะไปถึงเมืองอัสวานราวๆเที่ยงเหมือนกัน (แต่เป็นเที่ยงอีกวัน) ไปถึงก็คงนอนเอาแรง ชิลๆ ก่อนตามสไตล์แบคแพค

อัสวาน (Aswan)

ตามกำหนดการคิดว่าจะมาถึงเมืองอัสวานตอนเที่ยงกลายเป็นมาถึงประมาณบ่ายสอง รถไฟอียิปต์มีความดีเลย์เป็นอย่างมาก ไม่แพ้รถไฟไทยเลย อย่างต่ำก็ 1-2 ชั่วโมงอย่าลืมเผือเวลาด้วยนะ หลังจากที่ออกจากสถานีรถไฟ เราก็สัมผัสได้ถึงความเงียบสงบของเมือง เสียงคน เสียงรถไม่ค่อยวุ่นวายเท่าไหร่ เรียกรถแท้กซี่เข้าที่พัก ช่วงบ่ายเราเตรียมไปเที่ยววิหารกลางน้ำกัน

 

วิหารเทพีไอซิส (Temple of Isis Philae Angelina Island)

วิหารเทพีไอซิส อยู่ห่างจากตัวเมืองอัสวานพอสมควร เราสามารถเหมารถเที่ยวจอดที่ท่าเรือ จ่ายค่าตั๋วเข้าชมวิหาร 100 EGP และค่าเรือเพื่อไปยังวิหารอีก 150 EGP จุได้เต็มที่ 8 คน

นั่งเรือมาได้ 10-15 นาที ก็เห็นโฉมหน้าของวิหารเทพีไอชิสบนเกาะฟิเล พอมาถึงฝั่งก็บอกคนขับเรือ ให้รอประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อเดินชมความงามของวิหารแห่งนี้

วิหารฟิเลสร้างขึ้นมาเพื่อบูชาเทพีไอซิส (Isis) เทพีไอซิสเป็นเทพีแห่งเวทมนต์ การแต่งงาน และการรักษาโรคภัยต่างๆ

มีพระสวามีคือเทพโอซิริส (Osiris) และมีพระโอรสคือเทพฮอรัส (Horus) นั้นเอง

อนุสาวรีย์ความสัมพันธ์โซเวียตและอียิปต์ (The Soviet-Egyptian Friendship Monument)

จากวิหารกลางน้ำ นั่งรถต่อไปที่ Aswan Dam แถวนั้นมีอนุสาวรีย์มิตรภาพระหว่างสหภาพโซเวียตกับอียิปต์ ถูกสร้างขึ้นใกล้กับเขื่อน Aswan High Dam ในปีพ.ศ. 2514

คนออกแบบคือ Ernst Neizvestny อนุสาวรีย์แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นการขอบคุณสหภาพโซเวียตซึ่งเป็นผู้ช่วยเหลือทางการเงินในการสร้างเขื่อน มีความสูงกว่า 230 ฟุตและมีลักษณะคล้ายกลีบดอกบัวห้าดอก มีหอคอยชมวิวซึ่งจะเห็นบริเวณโดยรอบของเขื่อน Aswan High Dam และ Lake Nasser เป็นอีก Monument Architecture ที่ชอบมาก รอบๆ เป็นสวน เดินเล่นพักผ่อนได้อย่างเต็มที่เลยก่อนกลับที่พัก

มหาวิหารอะบูซิมเบล (Abu Simbel Temples)

เช้าวันนี้เราตื่นตั้งแต่เช้ามืด ตี 3 เป็นเวลาที่เช้ามากนักตั้งแต่เดินทางมา ครั้งนี้เราใช้บริการทัวร์ เป็นรถตู้รับส่งส่วนตัว มีน้ำดื่ม ขนมบริการ นั่งรถประมาณ 3 ชั่วโมง เพื่อไปยังมหาวิหารของอียิปต์โบราณ ตั้งอยู่ทางใต้ของอียิปต์ใกล้กับชายแดนประเทศซูดาน บนริมฝั่งตะวันตกของทะเลสาบนัสซอร์ ระยะทางประมาณ 300 กิโลเมตรจากตัวเมืองอัสวาน

และเป็นโบราณสถานหนึ่งในมรดกโลกขององค์การยูเนสโก แต่เดิมมหาวิหารแห่งนี้เคยจมอยู่ใต้น้ำเนื่องจากการสร้างเขื่อน เลยได้มีการตัดวิหารเป็นส่วนๆ ขึ้นมาประกอบใหม่ในบริเวณใกล้ๆ กับจุดเดิม เป็นวิหารที่สวยงามมากๆ แนะนำให้มาช่วงเช้าคนจะไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่เราใช้เวลาอยู่ที่นี้นานพอสมควร พอประมาณเที่ยงก็เดินทางกลับไปยังเมืองอัสวาน เพื่อเดินทางต่อไปยังเมืองอัสวานต่อในช่วงเย็น โดยรถไฟ ใช้เวลาเกือบ 4 ชม.

ลักซอร์ (Luxor)

เมืองลักซอร์ เป็นไฮไลท์นึง ที่เราอยากไปมากเช่นกัน เป็นเมืองอียิปต์โบราณในสมัยก่อน เป็นที่ตั้งของซากวิหารโบราณอย่าง คาร์นัก และวิหารลักซอร์ ตั้งอยู่ในเมืองสมัยใหม่ และบริเวณตรงข้ามแม่น้ำไนล์ เป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์ วิหาร และสุสาน ที่รวมถึงหุบเขากษัตริย์และหุบเขาราชินี เราชอบบรรยากาศเมืองนี้นะ มีรถม้าให้บริหารให้นั่งเล่นชมเมืองโบราณ ผสมกับสมัยใหม่ ยิ่งถ้าช่วงเย็นๆ ด้วย บรรยากาศของเมืองลักซอร์สวยขึ้นไปใหญ่

มหาวิหารลักซอร์ (Luxor Temple)

เราเดินทางมาถึงเมืองลักซอร์ตั้งแต่เช้ามืด เข้าไปพักผ่อนในโรงแรมก่อนจะออกมาเดินเล่นช่วงเย็น ในเมืองลักซอร์จะมีวิหาร Luxor Temple ที่สร้างโดยฟาโรห์อเมโนฟิสที่ 3 พระองค์ทรงสร้างวิหารแห่งนี้พร้อมกับการบูรณะต่อเติมวิหารคาร์นักไปด้วย หากนับวิหารถึงปัจจุบันจะมีอายุรวม 3,400 ปี ซึ่งวิหารแห่งนี้เดินทางไปชมง่ายที่สุด ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองเลย

แนะนำให้ไปชมช่วงเย็นจะมีการแสดง แสง สี เสียง ภายในจัดแสงได้ลงตัว และสวยงาม บรรยากาศดีมากๆ มีอะไรให้ดูเยอะ วันที่ไปคนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ เดินดูสบายๆ มีของให้ดูเยอะประทับใจ

หุบเขากษัตริย์(The Valley of the Kings)

ที่นี้เป็นที่ตั้งของสุสานหลวงของเหล่าบรรดาฟาโรห์ เชื่อพระวงศ์ รวมถึงขุนนางผู้ทร อิทธิพลในราชวงศ์ที่ 18 – 20

ช่วงเช้าแนะนำให้หารถมาเที่ยวฝั่ง West Bank ตั้งแต่ตี 5 เพื่อจะได้มาทันแสงแรกที่ วิหารหญิงฮัตเชปซุส ( Mortuary Temple of Hatshepsut) ประมาณ 6 โมงเช้า ซึ่งเป็นฟาโรห์หญิงองค์แรกของอียิปต์ หรืออีกชื่อคือ The Lost Queen นั้นเอง

จุดนี้เป็นจุดยอดนิยมของนักท่องเที่ยว ด้วยเพราะบรรยากาศรอบๆ เป็นทะเลทราย และมีวิหารตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาที่ยิ่งใหญ่ มันเป็นที่สวยงามและวิเศษมากๆ

วิหารคาร์นัก (Great Temple of Karnak)

จากช่วงเช้าเราเดินทางมายังมหาวิหารที่ใหญ่ที่สุดและสวยงามที่สุดของอียิปต์ นั้นก็คือ วิหารคาร์นัก ซึ่งอยู่ไม่ไกลมากจาก Luxor Temple ห่างจากตัวเมืองแค่ 3 กิโลเท่านั้น

สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่เทพเจ้าอะมอนรา (สุริยะเทพ) และเพื่อเป็นสถานที่จัดพิธีกรรมเกี่ยวกับความเชื่อของอียิปต์โบราณ เป็นวิหารที่ใหญ่มาก มีหลายส่วนให้เดินชมของโบราณหลายชิ้นได้จัดแสดงอยู่ที่นี่เป็นส่วนใหญ่

ไม่ว่าจะภาพฝาผนังที่สวยงาม และหาดูได้ยาก หรือจะเป็นห้องโถงเสาขนาดใหญ่ซึ่งเรียกว่า โถงเสาไฮโปสไตล์ขนาดใหญ่ (Great Hypostyle Hall) โดยห้องโถงนี้ประกอบไปด้วยเสาขนาดใหญ่โตมากมายถึง 134 ต้น แต่ล่ะต้นสูง 24 เมตร ซึ่งถือว่าเป็นห้องโถงเสาที่มีเสามากมายที่สุดในบรรดาวิหารทั้งหมดของอียิปต์

เราปิดท้ายการเดินทางกันที่ลักซอร์ ตลอดการเดินทางที่ได้เดินทางมาประเทศอียิปต์ เราได้พบเจอสิ่งแปลกใหม่ และสิ่งสวยงามมากมาย ทั้งสถาปัตยกรรมแบบอียิปต์โบราณ สถานที่ท่องเที่ยว บ้านเมือง และผู้คนที่เป็นมิตร ต่างให้ความช่วยเหลือต่างๆ มากมาย อียิปต์ไม่น่ากลัวอย่างทีคิดเลย เป็นประเทศที่เที่ยวง่าย ปลอดภัย เดินทางสะดวก มีอะไรให้เราค้นหาอีกมากมาย นับว่าคุ้มค่าที่ได้มาเยือนดินแดนที่สุดประทับใจแห่งนี้ หวังว่าสักวันหนึ่ง เราคงได้กลับมาอีกครั้งนะ หรือถ้าหากใครที่สนใจก็ลองเดินทางมาสัมผัสดินแดนแห่งนี้ด้วยตัวเองสักครั้งนึงในชีวิต รับรองเลยว่าจะต้องประทับใจไม่รู้ลืมเลยทีเดียว

สภาพอากาศ
กลางวันและกลางคืนในอียิปต์มีอุณหภูมิแตกต่างกันมาก อียิปต์มีภูมิอากาศแบบร้อนแห้ง และอากาศหนาวระดับปานกลางในช่วงเช้า และเย็น ช่วงที่เราแนะนำอยากให้ไป ก็คือช่วง ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-พฤษภาคม) อุณหภูมิประมาณ 15-32 °C ไม่ร้อนมาก และไม่เย็นมากไป อากาศดี ฝนไม่มีเลย

สกุลเงิน
สกุลเงินอียิปต์เรียกว่าปอนด์อียิปต์ หรือ Egyptian Pound (LE) รหัสสากล คือ EGP  โดย 1 ปอนด์อียิปต์จะประมาณ 1.84 บาท

การเดินทางภายในประเทศอียิปต์
การเดินทางภายในประเทศอียิปต์มีหลากหลายแบบให้ใช้บริการ ทั้งรถไฟ เรือ และเครื่องบิน หรือจะรถยนต์

1.รถไฟ
ในปัจจุบันรถไฟอียิปต์สามารถจองผ่านออนไลน์ได้แล้ว จากเว็ปทางการถไฟอียิปต์ สะดวกง่าย และปลอดภัย จองจ่ายเงินเสร็จ ปริ้น E-ticket เข้าสถานีรถไฟ ยื่นให้เจ้าหน้าที่ได้เลย โดยรถไฟอียิปต์จะมีให้จอง AC1, AC2 เท่านั้น แต่สำหรับใครที่อยากจะสะดวกสบาย ก็จองรถไฟตู้นอนได้เลย แต่จะมีราคาที่สูงกว่ามาก สามารถจองได้ที่เว็ป http://wataniasleepingtrains.com/ticket/index.html

2.เรือ
อีกหนึ่งวิธีการท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยม สำหรับใครที่อยากหาประสบการณ์แปลกใหม่ในการล่องเรือในแม่น้ำไนล์ สามารถล่องเรือได้จากกรุงไคโร เพื่อไปยังเมืองลักซอร์ และเมืองอัสวานได้เลย ถึงจะใช้เวลานานหน่อย แต่ก็ได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศข้างๆ สองข้างแม่น้ำไนล์

3.เครื่องบิน
สำหรับใครที่ไม่ค่อยมีเวลาเดินทาง การเลือกใช้บิรการบินภายในประเทศเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ใช้เวลาเดินทางน้อยมาก แต่จะมีราคาที่แพงพอสมควรสายการบินหลักๆ ที่เปิดใช้บริการมี อียิปต์แอร์ และไนส์แอร์ สองสายการบินเท่านั้น

4.รถยนต์
การใช้บริการรถเช่าเหมาวันพร้อมคนขับ เป็นอีกบริการนึงที่อยากจะแนะนำมากที่สุด เวลาเดินทางเที่ยวในแต่ละเมือง หรือระหว่างเมืองที่ไม่ไกล และใช้เวลามากนัก เราสามารถเรียกหารถใช้บริการได้ทั่วเมืองเลย ตกลงราคา สถานที่ท่องเที่ยว ตามความต้องการของเรา แต่ก็ต้องเลือกดูดีๆ ด้วย เพราะบางคนอาจเข้ามาหวังผลประโยชน์จากเรา ต้องเช็กราคาดีๆ ก่อนตกลงใช้บริการ