Fall time in Croatia (ใบไม้เปลี่ยนสีที่โครเอเชีย) ตอน 1
เรื่องและภาพโดย…เรื่องเล่าจากกระเป๋าเดินทาง
ช่วงนี้เราคนอาจจะเริ่มได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของประเทศโครเอเชียกันอยู่บ่อยๆ ทั้งความโด่งดังของทีมฟุตบอลที่ก้าวไกลสู่ระดับโลก ความงดงามทางธรรมชาติ ทะเล น้ำตก และเมืองมรดกโลกหลายๆเมืองที่น่าไปตามรอย โครเอเชียหรือชื่อทางการว่า สาธารณรัฐโครเอเชีย (Republic of Croatia) ตั้งอยู่บนคาบสมุทรบอลข่าน (Balkan) ประเทศที่เพิ่งผ่านสงครามมาไม่นาน มีแผลเป็นของสงครามแบ่งแยกดินแดนที่เรื้องรังมานานและเรื่องราวในอดีตที่น่าสนใจ หลังจากผ่านการบูรณะฟื้นฟู วันนี้โครเอเชียกลับมาอวดโฉมอันงดงามให้ชาวโลกได้เห็นกันอีกครั้ง
ซาเกร็บ…เมืองหลวงที่ไม่ควรมองข้าม
ซาเกร็บ (Zagreb) เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศโครเอเชีย แต่ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงโด่งดังและได้รับความนิยมเทียบเท่ากับเมืองท่าริมทะเลอื่นๆ ซาเกร็บตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ ในอดีตที่นี่คือเมืองที่ร่ำรวยสถาปัตยกรรม แม้จะถูกสงครามทำลายหลายครั้งหลายคราจนบอบช้ำ แต่ก็ยังเห็นเค้าความงดงาม ทั้งยังเป็นเมืองที่เที่ยวเองได้ไม่ยาก ที่มีรถราง (Tramway) ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง และมีรถบัสครอบคลุมสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมแทบทุกแห่งทั่วเมือง
เมืองซาเกร็บ แบ่งออกเป็น 2 เขตใหญ่ๆ คือ เขตเมืองเก่าที่ตั้งอยู่บนเนินเขาทางตอนเหนือของเมือง เรียกว่า The upper town และเขตเมืองใหม่ที่ทันสมัยซึ่งสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 19 เรียกว่า The lower town โดยมีจัตุรัสบานเจลาซิค (Josip Jeelascic Trg) เป็นจุดแบ่งระหว่างเขตเมืองเก่าและเมืองใหม่ ที่จัตุรัสบานเจลาซิคมีรูปปั้นของนายพล “บาน โจซิฟ เจลาซิค” (Ban Josip Jelacic) วีรบุรษผู้ปลดปล่อยโครเอเชียออกจากฮังการี ในอดีตจัตุรัสแห่งนี้คือศูนย์กลางทางการค้า ปัจจุบันจัตุรัสบานเจลาซิคเป็นจุดนัดพบของชาวเมืองที่มีชีวิตชีวา
หากเริ่มต้นเดินเที่ยวเล่นในเขตเมืองใหม่ หรือ The lower town ให้เริ่มต้นที่จัตุรัสโทมิสลาฟ (King Tomislav square) ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามสถานีรถไฟแห่งเมืองซาเกร็บ มีรูปปั้นของกษัตริย์โทมิสลาฟตั้งโดดเด่นอยู่ด้านหน้า กษัตริย์องค์แรกผู้ซึ่งรวบรวมดินแดนแคว้นน้อยใหญ่ให้กลายเป็นปึกแผ่นและก่อตั้งจนกลายเป็นประเทศโครเอเชีย ที่นี่มีลานกว้างให้ชาวเมืองได้มาพักผ่อนหย่อนใจ จากนั้นก็สามารถเดินต่อไปเรื่อยๆตรงไปยังจัตุรัสบานเจลาซิค ซึ่งฝั่งตรงข้ามของจัตุรัสจะเป็นถนนสายช็อปปิ้ง ที่เป็นศูนย์รวมของห้างสรรพสินค้าและร้านค้าแบรนด์เนมชื่อดังมากมาย เรียกได้ว่าเป็นย่านที่ทันสมัยที่สุดของประเทศโครเอเชียเลยก็ว่าได้
และเมื่ออ้อมไปด้านหลังของจัตุรัสบานเจลาซิค จะเริ่มเข้าเขตเมืองเก่า หรือ The upper town ที่มีโบสถ์และวิหารเรียงราย
เริ่มต้นจากอาสนวิหารแห่งเมืองซาเกร็บ (Zagreb Cathedral) หรือมหาวิหารเซนต์สตเฟน (St. Stephen’s cathedral) มีน้ำพุที่มีเสาสูงบนยอดมีรูปปั้นของพระแม่มารีสีทองอร่ามตั้งอยู่ด้านหน้ามหาวิหารโรมันคาทอลิกแห่งนี้สร้างขึ้นในแบบสไตล์นีโอโกธิค ในช่วงศตวรรษที่ 11 ภายในกว้างขวางโอ่โถงสมกับเป็นวิหารหลักของเมือง
ด้านหลังของแท่นบูชาหลักมีโลงศพของอาร์ชบิชอป Aloysius Stepinac พระคาดินัลชาวโครแอท ผู้มีบทบาทสำคัญในการต่อต้านการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ระหว่างเชื้อชาติต่างๆในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ใกล้กันนั้นมีโบสถ์เซนต์แคเทอรีน (St. Catherine’s church) โบสถ์เก่าแก่ประจำเมือง
หลังจากนั้นเดินไปตามถนนคนเดิน Tkalciceva ศูนย์รวมคาเฟ่ บาร์ และร้านอาหารบรรยากาศดีๆเต็มสองข้างทางผ่านประตูเมืองเก่า Porta di Pietra ซึ่งแปลว่าประตูหิน เดิมเป็นประตูไม้ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 13 แต่เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่เผาผลาญประตูเมืองเสียหายจนหมดสิ้น เหลือเพียงภาพวาดของพระแม่มารีและพระกุมารที่ไม่ได้รับความเสียหาย ชาวเมืองเชื่อว่าเป็นเพราะความศักดิ์สิทธิ์ จึงทำให้ผู้คนนิยมมาจุดเทียนขอพร ปัจจุบันมีการสร้างประตูกรงมากั้นภาพวาดไว้ ด้านนอกมีรูปแกะสลักของโดรา (Kip Dore Krupićeve) ตัวละครเอกของวรรณกรรมอิงประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงของโครเอเชียเรื่อง Zlatarovo zlato
เดินต่อไปจากประตูเมืองเก่าไม่ไกลนัก จะพบกับโบสถ์เซนต์มาร์ก (St.Mark’s cathedral) โบสถ์สไตล์โรมันเนสก์ที่ผสมผสานกับศิลปะแบบกอธิก คาดว่าสร้างขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 13 ด้วยลวดลายและสีสันของกระเบื้องบนหลังคาโบสถ์ ด้านขวาเป็นตราเมืองซาเกร็บ ด้านซ้ายเป็นตรารวมสามสัญลักษณ์ประจำราชอาณาจักรโครเอเชีย แคว้นสลาโวเนีย และแคว้นดัลมาเซีย บนพื้นหลังที่เป็นลวดลายแดง ขาว ฟ้า นับเป็นโบสถ์ที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์ที่สุดในซาเกร็บ
จากนั้นลองเปลี่ยนบรรยากาศไปชมแนวคิดแปลกใหม่ที่พิพิธภัณฑ์สำหรับคนอกหักรักคุด หรือ Museum of Broken Relationships เป็นพิพิธภัณฑ์สมัยใหม่ของเอกชนที่เกิดจากความคิดของศิลปินท้องถิ่นสองคนที่ต้องจบความสัมพันธ์ลงหลังจากคบกันนาน 4 ปี ภายในมีการจัดแสดงสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆที่รับบริจาคมาจากคู่รักที่เลิกรากันโดยไม่มีการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว ที่นี่ยังเคยได้รับรางวัล European museum award อีกด้วย จบจากเรื่องเศร้า
เดินเรื่อยเปื่อยชมบรรยากาศพระอาทิตย์ตกในมุมสูงใกล้ๆ กับสถานีรถราง Funicular ที่เชื่อมระหว่างเมืองตอนล่างและตอนบนเข้าไว้ด้วยกัน ว่ากันว่าเป็นรถรางเส้นที่สั้นที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป ซึ่งมีความยาวเพียง 66 เมตร ลองนั่งลงมาจากเมืองเก่าด้นบนใช้เวลานั่งไม่ถึงนาทีก็กลับมาถึงย่านเมืองใหม่แล้ว เป็นหนึ่งวันเต็มๆ ในเมืองหลวงของโครเอเชียที่เที่ยวเพลินเลยทีเดียว
ตามไปอ่านตอน 2 ได้ที่ อ่านตอน 1 ได้ที่ www.vacationistmag.com/croatia2
รายละเอียดเพิ่มเติม
- ข้อมูลท่องเที่ยวเมืองซาเกร็บ zagrebcity.com
- การจองตั๋วรถบัสออนไลน์ https://getbybus.com/en
- อุทยานแห่งชาติพลิทวิเซ np-plitvicka-jezera.hr/en