ดร.ถง เจิ้น หยวน ความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยกับไต้หวัน
Story & Photo by Editorial Staff
ท่ามกลางความวุ่นวายย่านใจกลางเศรษฐกิจบริเวณถนนสาทร สีลม เราสามารถพบความสงบ และเรียบง่ายที่สัมผัสได้เพียงแค่เปิดประตูเข้าไปภายในสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเปประจำประเทศไทย อาคารเอ็มไพร์ทาวเวอร์ ซึ่งในครั้งนี้ทางนิตยสารของเราได้รับเกียรติจากทางดร.ถง เจิ้น หยวน ผู้แทนรัฐบาลสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเปประจำประเทศไทย มาพูดคุยเรื่องราวเกี่ยวกับประเทศไทย – ไต้หวัน
ก่อนมาเป็นผู้แทนรัฐบาล ดร.ถง เจิ้น หยวน ไม่เคยมาประเทศไทยเลยแต่เคยมาเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิ 3 ครั้ง มาดำรงตำแหน่งผู้แทนรัฐบาล สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเปประจำประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2017 ดร.ถง เจิ้น หยวน ต้อนรับเราด้วยรอยยิ้มและพูดคุยอย่างเป็นกันเอง หลังจากแนะนำตัวกันเรียบร้อย เราเริ่มคำถามแรกเกี่ยวกับความรู้สึกที่มีต่อเมืองไทยเป็นอย่างไรบ้างหลังจากท่านมารับตำแหน่งที่ประเทศไทย “อากาศดี ผู้คนเป็นมิตร ไทยกับไต้หวันมีวัฒนธรรมหลายอย่างที่คล้ายกัน อย่างหนึ่งคือ เราต่างนับถือศาสนาพุทธ ซึ่งทำให้เราสามารถไปด้วยกันได้ดีทั้งสองฝ่าย”
อยู่ที่นี่เทียบกับไทเป ท่านมีความรู้สึกอย่างไรกับชีวิตหนึ่งปีกว่าในเมืองไทย
(ท่านยิ้มเล็กน้อย) ผมเป็นนักการทูตเพราะฉะนั้นจึงไม่มีเวลาว่างมากนัก ประกอบกับมีรถและคนขับประจำตำแหน่งฉะนั้นก็เลยไม่มีโอกาสได้สัมผัสวิถีชีวิตและสังคมของกรุงเทพฯ มากนัก แต่หากจะให้พูดถึงการจราจรที่ติดขัดในกรุงเทพฯ คงต้องบอกว่ามันกินเวลาผมมากเหมือนกัน เพราะบ้านพักของผมกับที่นี่ห่างกันเพียง 5 กิโลเมตร แต่โดยเฉลี่ยผมต้องใช้เวลาเกือบชั่วโมงเพื่อจะถึงที่พัก เคยมีบางครั้งที่ใช้เวลาถึงสองชั่วโมงครึ่งเสียด้วยซ้ำ ในที่สุดผมก็ยอมแพ้เปิดประตูแล้วเดินไปถึงบ้านด้วยตัวเอง
แต่สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยก็คือ อาหารของเมืองไทยมีอะไรน่าสนใจเยอะ เรียกได้ว่าน่าจะเยอะกว่าไทเปเสียด้วยซ้ำ อาหารไทยดีมาก ผมจะเล่าความลับให้ฟัง ตอนผมเรียนอยู่ที่อเมริกา อาหารจานโปรดที่ผมชอบรับประทานนอกจากอาหารจีนแล้วก็คืออาหารไทย ผมรับประทานอาหารไทยอาทิตย์ละครั้งหรือสองครั้งเลย ก็เลยมีความสุขกับการรับประทานอาหารไทยที่นี่มาก อย่างที่พูดก่อนหน้านั้นว่าเรามีวัฒนธรรมที่คล้ายกันและนับถือศาสนาเดียวกันถึงแม้ว่าเราจะนับถือต่างนิกายกัน แต่เราก็มีหลักความเชื่อที่เกือบจะเหมือนกัน คือเรารักดูแลตัวเองและผู้อื่น มีความเชื่อเรื่องทำประโยชน์เพื่อคนอื่น เรารู้จักถ่อมตน สุภาพ คิดถึงผู้อื่นอยู่เสมอ ผมสังเกตจากเวลารถติด ทุกคนอดทน ไม่โวยวาย ไม่กดแตร นั่นทำให้ผมปรับตัวเข้ากับเมืองไทยได้ดี นอกจากนั้นกิจกรรมต่างๆ ในเมืองไทยที่ผมได้ทำก็คือเคยไปเล่นกิจกรรมโหนสลิงเหินเวหากับ Flying Hanuman ซึ่งถือว่าเป็นความทรงจำที่ดี ซึ่งไม่มีที่แบบนี้ที่ไต้หวัน
สำหรับเมืองไทยได้ไปท่องเที่ยวที่ไหนมาบ้าง
แน่นอนที่ว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่สวยงามมาก ประเทศไทยปีที่แล้วดึงดูดนักท่องเที่ยวมากกว่า 35.6 ล้านคน ในครึ่งปีแรกจำนวนนักท่องเที่ยวไต้หวันเพิ่มขึ้นมากกว่า 31 เปอร์เซ็นต์ จะเห็นว่าเราต่างรักซึ่งกันและกัน ชอบที่ไปเยือนกันแม้แต่ลูกชายผมเอง ซึ่งตอนนี้เรียนอยู่ที่อเมริกาก็เดินทางมาเที่ยวที่นี่ กว่าหนึ่งเดือนครึ่งเลย พอเขากลับไปไต้หวัน เพื่อนเขาก็ขอให้พามาเที่ยวที่นี่อีกครั้ง แล้วก็พากันไปหัวหิน หาดใหญ่ เบตง เชียงใหม่ เชียงราย (นั่งเครื่องไปแล้วต่อเฮลิคอปเตอร์ไปเบตง )
นอกจากนี้เรายังไป พัทยา ระยอง และที่ต่างๆ แล้วก็กำลังจะไปแม่สอด และขอนแก่น ผมเคยเดินทางไปทางเหนือของไทย 7-10 ครั้งแล้ว ที่ภาคเหนือของประเทศไทยมีกลุ่มผู้อพยพ (กองพล 93 ของกองทัพจีนคณะชาติ (ก๊กมินตั๋ง) อยู่ประมาณเกือบ 3 หมื่นคนแสดงให้เห็นถึงสายสัมพันธ์ที่ไต้หวันมีต่อไทย นอกจากนี้แล้วที่สถานีเกษตรหลวงอ่างขางยังได้มีความร่วมมือกันระหว่างประเทศไทยกับไต้หวันมาเป็นระยะเวลานาน
แล้วไต้หวันมีอะไรที่อยากโปรโมตแก่นักท่องเที่ยวไทยบ้าง
ตั้งแต่เรายกเว้นวีซ่าให้ไทย ใน ปี 2016 จำนวนนักท่องเที่ยวคนไทยไปท่องเที่ยวไต้หวันเพิ่มขึ้นถึง 88 เปอร์เซ็นต์ ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวไต้หวันที่เดินทางมาไทยเพิ่มขึ้น 49.4 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นผลจากการยกเว้นวีซ่าให้คนไทยของไต้หวัน
ถามว่าทำไมเราต้องเลือกไปไต้หวัน ผมรวบรวมเหตุผลมาได้ 10 ข้อ
1. วิวทิวทัศน์ที่สวยงาม เรามียอดเขายวี่ซัน (Yushan) ที่มีความสูง 3,952 เมตร ซึ่งสูงที่สุดในไต้หวันและเอเชียตะวันออก ซึ่งบางครั้งจะมีหิมะปกคลุมบนยอดเขา ยวี่ซันนับได้ว่าเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของไต้หวัน เรายังมีแม่น้ำและแนวชายฝั่งที่สวยงาม และยังมีธารน้ำระหว่างหุบเขา (Gorge) ที่งดงาม เช่นทาโรโกะ (Taroko Gorge) ซึ่งสถานที่อันสวยงามเหล่านี้ได้ดึงดูดคนไทยมายังไต้หวันซึ่งจะได้ความงดงามที่แตกต่างจากที่มีในประเทศไทย นอกจากนี้ ไต้หวันยังถูกเรียกว่า เกาะฟอร์โมซา (Formosa) เป็นภาษาโปรตุเกส เพราะชาวโปรตุเกสเคยเดินเรือมาที่เกาะนี้และชื่นชมเกาะแห่งนี้ว่า Ilha Formosa ซึ่งแปลว่า เกาะที่สวยงาม
2. อาหารอร่อย เนื่องจากไต้หวัน มีผู้คนจากที่ต่างๆ ทั่วโลกอพยพมาที่เกาะแห่งนี้ไม่ว่าจะเป็นจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ญี่ปุ่น เกาหลี หรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยุโรป ดังนั้นเราจึงมีความหลากหลายของอาหาร นอกจากนั้นเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มิชลินไกด์ยังตีพิมพ์หนังสือแนะนำร้านอาหารในไทเป ซึ่งให้ดาวแก่ร้านอาหารที่ไทเป รวมทั้งหมด 24 ดาว รวมถึง ระดับสามดาว 1 ร้าน เท่าที่รู้แม้แต่ในเมืองไทยก็ยังไม่ได้ ระดับสามดาวจากมิชลินไกด์ จึงนับได้ว่าเป็นสวรรค์ของนักชิม จากทั่วโลก เรามีอาหารจีนที่ดีที่สุดในโลก เรามีอาหารจีนแบบต่างๆ จากที่ต่างๆ ของจีนเพราะมีคนจีนจำนวนมากอพยพมาไต้หวัน นอกจากนี้เรามีอาหารญี่ปุ่นและอาหารจากที่ต่างๆ ทั่วโลกเช่นกัน
3. มีวัฒนธรรมที่เปิดกว้าง ดังที่กล่าวไปเรามีผู้คนที่อพยพจากที่ต่างๆทั่วโลกมาหลอมรวมในเกาะแห่งนี้ และแน่นอนที่สุดว่า มาจากจีนมากที่สุด แต่ก็ยังมีจากอาเซียน เช่น ไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ซึ่งพวกเขาเหล่านี้ก็นำเอาวัฒนธรรมของตัวเองติดตัวมาด้วย เช่นในไทเป ในส่วน นิว ไทเป ซิตี้ เรามีเทศกาลสงกรานต์ และยังมีจัดในส่วนอื่นๆ อีกเช่นกัน แน่นอนเทศกาลตรุษจีน เทศกาลของประเทศต่างๆ ด้วยเช่นกัน ณ ตอนนี้เราพบว่าประมาณ สิบเปอร์เซ็นต์ของเด็กเกิดใหม่ในไต้หวัน มาจากประชากรจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะฉะนั้นการใช้ชีวิตที่ไต้หวันจะค่อนข้างสะดวกสบายและง่าย เพราะเราค่อนข้างเปิดกว้างกับประเทศอื่นๆ
4. ไต้หวันเป็นชาติที่มีวัฒนธรรมที่หลากหลายและลึกซึ้งในด้านต่างๆ เช่น ศาสนา ศิลปะ และมิวเซียม และการแสดง เรามีมิวเซียมที่ดีที่สุดในโลก เช่นพิพิธภัณฑ์พระราชวังกู้กง มีผู้คนมากมายที่ไปไต้หวันเพื่อต้องการไปดูสิ่งล้ำค่าทางประวัติศาสตร์ของจีนที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เมื่อไม่นานมานี้ ท่านเอกอัครราชทูตเม็กซิโกประจำประเทศไทย เดินทางไปไต้หวันเพื่อไปชมสิ่งล้ำค่าทางประวัติศาสตร์จีนที่กู้กงแห่งนี้โดยเฉพาะหรือคนที่ต้องการแสวงบุญก็รักที่จะไปเยือนไต้หวัน เรามีวัดที่สำคัญ 5 แห่ง ได้แก่ วัดฉือจี้ ในภาคตะวันออก วัดฝากู่ซาน ตั้งจวง วัดหลินโจซันในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ วัดจงไถซานซื่อที่หนานโถ และวัดโฝกวงซัน ที่เกาสง วัดเหล่านี้ตั้งอยู่บนภูเขา ทำให้วัดเหล่านี้ไม่เพียงแต่มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามแต่ยังมีสิ่งล้ำค่าทางวัฒนธรรมที่ตกทอดจากอดีตสู่ปัจจุบัน และยังเป็นตัวแทนของสิ่งล้ำค่าทางศาสนาพุทธอีกด้วย ซึ่งที่จงไถซาน ยังมีพิพิธภัณฑ์ใหญ่มากจัดแสดงพระพุทธรูปจากทั่วโลก นอกจากนั้นเรายังมีศิลปะการแสดงที่น่าตื่นตาด้วยเช่นกัน
5. เรามีคณะการแสดงที่มีชื่อเสียง ซึ่งไม่ใช่แค่ศิลปะแบบโบราณ แบบสมัยใหม่เช่นกัน ซึ่งเรามีเทคโนโลยีสมัยใหม่รวมเข้ากับการสร้างสรรค์วัฒนธรรมทำให้เมื่อเร็วๆ นี้ไต้หวันได้จัดนิทรรศการการดีไซน์ระดับโลกขึ้นคือ World Design Capital Exhibition ในปี 2016 นอกจากนี้
6. ไต้หวันยังเป็นประเทศที่เทคโนโลยีขั้นสูง จะเห็นได้จากการจัดงานไต้หวัน เอ็กซ์โป เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ไบเทค บางนา ซึ่งเรามีผลิตภัณฑ์ตัวหนึ่งที่ชื่อ โล่มู่ซันเฟิน ซึ่งมีบริษัทจากประเทศไทยได้ออร์เดอร์สินค้าตัวนี้ถึง 40 ตู้คอนเทนเนอร์ เรายังมีพิพิธภัณฑ์ ชีเหม่ (Chimei Museum) ที่ไถหนาน ซึ่งมีสิ่งของล้ำค่าจากทั่วโลกจัดแสดง เช่น อาวุธ ศิลปะภาพ ประติมากรรม เครื่องดนตรี ฯลฯ ซึ่งหนึ่งในอาวุธที่จัดแสดงมีมูลค่ามากถึง 10 ล้านเหรียญ ประเทศที่มีอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง และ smart economy และ ICT ไต้หวันเป็นต้นแบบของประเทศไฮเทค และปัจจุบันเราได้เชื่อมโยง ICT กับ LOT (Internet of Things) และ AI (Artificial Intelligence) และได้กลายเป็น Smart Economy นอกจากนั้นยังมี อุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น ทางด้านการแพทย์ การบริการทางการแพทย์ รวมกันกลายเป็น Smart Healthcare และอื่นๆ เช่น Smart Energy, Smart Education, Smart City Smart Power Grid ทุกภาคส่วนกลายเป็น Smart Society ผู้คนต่างพอใจกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่มิใช่มีแค่ในด้านอุตสาหกรรมหรือธุรกิจเท่านั้น แต่แทรกอยูในชีวิตประจำวันในไต้หวัน เช่น เราไม่จำเป็นต้องรอรถบัส เพียงแค่เช็กเวลาจากแอปพลิเคชัน แล้วไปรอแค่ 1 นาทีก่อนรถมา หรือจะเป็นรถไฟความเร็วสูง
7. การศึกษา ไต้หวันมีสถาบันการศึกษาประมาณ 160 แห่งและไต้หวันยังติดอันดับต้นๆ ของโลกด้านการศึกษา จากการจัดอันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่ง เรายังมีโปรแกรมแลกเปลี่ยนสำหรับนักเรียน นักศึกษาด้วยเช่นกัน
8. การเดินทางไปไต้หวันค่อนข้างสะดวกสบาย จากกรุงเทพฯ และเชียงใหม่ ซึ่งใช้เวลาเพียง 3.5 ชั่วโมงเท่านั้น เมื่อคุณไปถึงไต้หวันแล้วการเดินทางจากสนามบินเถาหยวนเข้าไทเป หรือไปเมืองหลักต่างๆ ก็สะดวกสบาย หรือหากคุณต้องการจะซื้อของก็มีบริการ E-commerceให้บริการซึ่งสามารถส่งถึงโรงแรมในไทไปภายใน 6 ชั่วโมงและเว็บไซต์เหล่านี้ก็มีภาษาอังกฤษเช่นกัน ไต้หวันยังเป็นประเทศที่ปลอดภัยที่สุดอันดับสองของโลกรองจากไอซ์แลนด์ หรือแม้กระทั่งคุณทำกระเป๋าตังค์หล่นหาย คุณก็จะได้คืนเพราะเราจะส่งคืนที่สถานีตำรวจ หรือโทรหาคุณเพื่อส่งคืนให้ คุณสามารถ ไปเดินเล่นตอนกลางคืนได้อย่างปลอดภัยเพราะเรามีระบบรักษาความปลอดภัยที่ป้องกันอาชญากรรมเป็นอย่างดี
9. ผู้คนเป็นมิตร เคยมีนักเขียนที่มีชื่อเสียงชาวจีนคนหนึ่งได้กล่าวไว้ว่า สิ่งที่สวยงามที่สุดในไต้หวันคือ ผู้คน คนไต้หวันจะเป็นมิตร ต้อนรับคุณด้วยรอยยิ้มและพร้อมจะให้ความช่วยเหลือ หรือแม้แต่ช่วยพาคุณไปในที่ที่คุณต้องการ และพร้อมที่จะอธิบายรายละเอียดต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวเข้าใจ
10. ฟรีวีซ่า ช่วยให้การเดินทางไปไต้หวันสำหรับคนไทยสะดวกยิ่งขึ้น ไต้หวันได้ขยายเวลาฟรีวีซ่าให้กับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้ง 3 ประเทศได้แก่ ไทย บรูไนและฟิลิปปินส์ ถึง 31 กรกฎาคม 2562
สถานที่ในไต้หวันที่อยากจะแนะนำเป็นพิเศษ
มีเยอะแยะมากมาย แต่เอาเข้าจริงแล้วผมเรียนรู้มากมายเกี่ยวกับไต้หวันเมื่อมาอยู่ที่เมืองไทยนี้ ผมเรียน และสอนที่ National University of Taipei, เพราะฉะนั้นส่วนมากผมจะอาศัยอยู่ที่ไทเปเท่านั้น แต่เมื่อมาอยู่เมืองไทย ผมต้องเรียนรู้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับประเทศของตัวเองให้มากขึ้นเพื่อที่จะได้แนะนำให้แก่คนไทยมีสถานที่หลายแห่งที่ผมอยากแนะนำเป็นพิเศษเช่น ทะเลสาบสุริยันจันทรา (sun moon lake), อุทยานแห่งชาติทาโรโกะ (Taroko Gorge, ฟาร์มฟู๋โซ่วซาน (Fushoushan Farm) ซึ่งอาจจะเป็นฟาร์มที่อยู่สูงที่สุดในไต้หวันและอาจสูงสุดในเอเชีย น่าจะอยู่บนที่สูงมากกว่าประมาณ 3,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล สวยงามมาก ซากุระที่บานสะพรั่งในเดือน มีนาคม ทั้งดอกไม้นานาพรรณ ผลไม้ ชา มีทิวทัศน์ที่สวยงาม อาหารอร่อย มองเห็นดวงดาวในยามค่ำคืนอีกด้วย มีวัดสำคัญห้าแห่งที่ได้กล่าวไปแล้ว หรือในเกาสงก็มีสถานที่โรแมนติกที่คุณสามารถท่องเที่ยว ลองเทสต์กาแฟเดินเล่นริมแม่น้ำ
ถ้าคุณไปผิ่งตง (pintung) คุณจะเห็นชายหาด คุณสามารถนอนใต้ทะเล (ในอะควาเรียม) หรือระบบนิเวศริมชายหาดที่แปลกตาและสวยงาม ควรค่าแก่การศึกษา จะเห็นได้ว่าผมไม่สามารถแนะนำได้แค่ที่เดียว ถ้าเป็นไปได้ก็อยากแนะนำทั้งหมด
เห็นได้ว่านอกจากสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจและสวยงามแล้ว ไต้หวันยังมีเสน่ห์อีกมากมายให้คุณไปค้นหาอย่างที่ ดร.ถง เจิ้น หยวน ได้กล่าวไว้พร้อมรอยยิ้มอีกด้วย