“เบิร์น” ในวันชื่นบาน
Story & Photo by Kanjana Hongthong
บังเอิญว่าไม่ใช่ครั้งแรกในเบิร์น ระดับความตื่นเต้นจึงไม่พุ่งปรี๊ดเท่าเที่ยวแรก แต่ระดับความอยากรู้อยากเห็นยังไม่หดตัวลงง่ายๆ รถไฟค่อยๆ แนบลงตรงชานชาลาเมืองเบิร์น แต่แปลกดีที่นครหลวงของสวิตเซอร์แลนด์ กลับไม่ได้ต้อนรับฉันด้วยความสงบเงียบเหมือนอย่างเคย
เสียงดนตรีปี่กลองมาต้อนรับถึงชายคาสถานีรถไฟประจำเมือง ยังไม่ทันได้หาต้นเสียง เพราะมัวแต่กางลายแทงของเมืองกรุง เพราะถึงจะเป็นเบิร์นครั้งที่สอง แต่การหาเรือนพักมักไม่ง่ายเอาซะเลย
เดินวนอยู่สามตลบนั่นแหละ ถึงเจอเรือนพักที่จับจองมา ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของเรือนพักบอกที่มาที่ไปของเสียงดนตรีปี่กลอง เขาว่ากำลังมีเทศกาลงานประเพณีของเบิร์นพอดี “รีบออกไปเถอะ ข้างนอกกำลังสนุกเลย คุณโชคดีนะที่มาเจอเทศกาลฟาสนาค (Fasnacht) พอดีเลย เดี๋ยวผมก็จะรีบออกไปฉลองกับเพื่อนๆ เหมือนกัน….ชายหนุ่มสาธยายด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน เพราะใจของเขาคงพุ่งไปข้างนอกแล้ว
ที่จริงเทศกาลฟาสนอคที่เขาพูดถึง ก็เป็นเหมือนงานคาร์นิวัลดีๆ นี่เอง เป็นประเพณีเก่าแก่เลยว่า เมื่อไหร่ที่ใกล้สิ้นสุดฤดูหนาว หลายเมืองในสวิตฯ อย่างเบิร์น ลูเซิร์นและบาเซลจะจัดงานนี้ขึ้น ผู้คนจะพากันแต่งตัวในชุดแฟนซี ใครอยากเป็นอะไร หรือว่าอยากแต่งแบบไหน ก็ประโคมกันมาได้เต็มเหนี่ยว แต่อะไรไม่สนุกเท่าขบวนปี่กลองที่ประชันกันด้วยเสียงเพลง ปลุกให้เมืองทั้งเมืองคึกคักไปทุกอณู
และไม่ว่าจะเดินเร่ไปทางไหน เขาจะปากระดาษที่ตัดเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่กัน ดูแล้วเหมือนเทศกาลสงกรานต์เลย แต่แทนที่จะสาดกันด้วยน้ำ ก็ปากระดาษแทน สนุกไปอีกแบบ และไม่มีใครโกรธใครที่ถูกปากระดาษเข้าใส่
ฉันเดินตามเสียงดนตรีไปเรื่อยๆ และพบว่าชาวเบิร์นคงไม่มีใครกักขังตัวเองอยู่ในบ้าน พวกเขาไม่ได้ออกมาร่วมสนุกกันแบบธรรมดา แต่ทุกคนออกมาแบบจัดเต็มมาก ราวกับว่าเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย สำหรับใครที่ไม่แต่งตัวออกมาร่วมงาน ทุกคนจึงเล่นกันซะเต็มเหนี่ยว บางก๊วนแต่งเหมือนกันทั้งทีม แต่ไม่มีใครหลุดธีม บางคู่หวานๆ มาด้วยกันแต่ไม่ทิ้งคอนเซ็ปต์เดียวกัน บางครอบครัวแต่งธีมเดียวกันทั้งบ้าน สนุกสนานกันอย่างสุดเหวี่ยง
สำหรับพวกประกวดวงดนตรียิ่งสนุกใหญ่เลย แต่ละกลุ่มจะแต่งตัวเหมือนกันทั้งวง และไม่ว่าจะเล่นเครื่องดนตรีประเภทไหนแต่เขาจะใส่หน้ากากมาเหมือนกัน บางคณะแต่งตัวล้อเลียนคนดัง เรื่องความบันเทิงเริงใจนั้นหายห่วงอยู่แล้วส่วนเรื่องเครื่องดื่มและอาหารการกินทั้งคาวหวานยิ่งแล้วใหญ่ เพราะเขาตั้งแผงขายกันอย่างเอาจริงเอาจัง เรียกว่าหัวถนนยันท้ายถนน แน่นขนัดไปด้วยอาหาร
บางที อาจจะจริงก็ได้ที่เขาว่าคนสวิตเซอร์แลนด์สนุกสนานที่สุดในยุโรป และบางทีอาจจะจริงก็ได้ ที่ว่าเทศกาลช่วยปลุกเมืองอันเงียบสงบ ให้คึกคักมีชีวิตชีวา เป็นคนละเมืองกับเมืองเดิมที่เราเคยเจอ ฉันก็เพิ่งรู้นี่แหละว่า นอกจากสวิตเซอร์แลนด์จะมีเทศกาลดนตรีที่มีชื่อเสียงแล้ว ยังมีเทศกาลฟาสนอค อีกงานหนึ่ง ที่ทำให้ฤดูใบไม้ผลิของสวิตเซอร์แลนด์น่ามองขึ้นเป็นกอง
เช้าจรดค่ำ ฉันเดินสอดส่องเบิร์นในอารมณ์เบิกบาน เคลื่อนกายไปตามเสียงดนตรีอันเร้าใจ ช่างเป็นความบังเอิญที่น่าจดจำเหลือเกิน เบิร์นที่เคยเป็นนครหลวงเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ วันนั้นสนุกหลุดโลก เหมือนกับเป็นคนละคนกับที่เคยเจอ
ลำพังเบิร์นในวันปกติก็น่ามองอยู่แล้ว จำได้ว่าฉันพร่ำบอกใครต่อใครว่าเจอเมืองหลวงที่น่าอยู่เข้าแล้ว หลังจากเจอเบิร์น ถึงจะเห็นอีกด้านหนึ่งของเบิร์น ก็ขอยืนยันเหมือนเดิมว่าเบิร์นคือเมืองหลวงที่น่าอยู่จริงๆ ไม่อย่างนั้นเบิร์นคงไม่ถูกจัดอันดับให้เป็นเมืองที่มีคุณภาพชีวิตดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลกหรอก
ยังไม่นับเรื่องความสวยนะ ลองนึกภาพดูสิ เมืองเก่าแก่สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 ที่ตั้งอยู่บนเนินเขา ถูกกอดไว้ด้วยแม่น้ำอาเร
จะสวยน่ามองแค่ไหน และมุมหนึ่งของเบิร์นที่น่าขลุกอยู่ด้วยที่สุดคือเมืองเก่า (Old Town) จะมาเบิร์นสั้นยาวแค่ไหนก็ต้องพาสองเท้าไปเดินป้วนเปี้ยนในนี้
รถรางหลากสีที่วิ่งพาดผ่านตัวเมืองเก่าเป็นอีกอย่างหนึ่ง ที่เติมแต่งความน่าเอ็นดูให้เบิร์น สีแดงก็เป็นอีกข้อหนึ่งที่ทำให้เบิร์นสดใสเป็นเมืองมีชีวิต มองไปทางไหนมีแต่สีแดงอร่ามไปหมด ทุกครั้งที่ได้ย่ำไปบนถนนครัมกาสเซ (Kramgasse) ในเขตเมืองเก่า ช่างเป็นเวลาที่มีความสุขทุกครั้ง
เพราะเป็นถนนที่อวลไปด้วยสุนทรีย์และมากมายไปด้วยประวัติศาสตร์ ทั้งน้ำพุและรูปปั้น ร้านรวง อาคารเก่าแก่ ทุกอย่างน่ามองน่าแวะไปเสียหมด แต่อะไรคงไม่น่ามองเท่า หอนาฬิกายุคกลาง (Zytglogge) ที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของเบิร์น นักท่องเที่ยวทุกคนจึงแวะไปสบตากับหอนาฬิกานี้กันทุกคน
บนถนนในเขตเมืองเก่ายาวประมาณ 6 กิโลเมตร เรียงรายไปด้วยร้านรวงและห้างสรรพสินค้าโบราณที่สร้างมาตั้งแต่ยุคสมัยกลางของยุโรป คาเฟ่และร้านอาหารมากมาย ที่ถูกสร้างและออกแบบอย่างเป็นแถวแนวโค้งเรียงติดต่อกันไป และอีกมุมหนึ่งของเบิร์นที่ชวนให้รู้สึกว่าเมืองนี้ก็สวยไม่แพ้เมืองไหนในสวิตเซอร์แลนด์ คือตอนยืนหน้าวิหารมุนสเตอร์ (Munster) โบสถ์โกธิคขนาดใหญ่ที่อายุเกือบ 600 ปีเข้าไปแล้ว
ถ้าจะสแกนหาโบสถ์ที่สูงที่สุดในประเทศสวิตเซอร์แลนด์แล้วล่ะก็ ไม่มีใครโค่นวิหารมุนสเตอร์ลงได้ ด้วยส่วนสูงประมาณ 100 เมตร ทำให้ใครๆ ก็ต้องมาแหงนคอมองที่นี่กันจนเมื่อยต้นคอ และทุกรายละเอียดไล่ไปตั้งแต่ประตูยันกระจกสีภายในโบสถ์ล้วนน่ามองไปหมด
และถ้าซอกแซกลึกเข้าไปในเมืองเก่า ก็จะพบว่ามีพิพิธภัณฑ์ให้ไปเยี่ยมชมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นบ้านของไอน์สไตน์ที่ทุกวันนี้ถูกแปลงสภาพเป็นพิพิธภัณฑ์ไอน์สไตน์ (Einstein Museum) ไปเรียบร้อยแล้ว
ใครอยากรู้ว่าช่วงชีวิตที่เขามาพักที่นี่ เขาคิดและทำอะไรและใช้ชีวิตอยู่อย่างไร เข้าไปในบ้านหลังนี้ได้รู้แน่ และยังมีพิพิธภัณฑ์คุนส์ท (Kunst Museum) ที่นักท่องพิพิธภัณฑ์มักมาหางานศิลปะดีๆ ชมกันไม่เว้นแต่ละวัน คนรักศิลปะจึงไม่ควรพลาดเด็ดขาด ส่วนใครที่เป็นนักท่องอดีต นิยมตามรอยประวัติศาสตร์ แนะนำให้เข้าพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ (Bern Historical Museum) แล้ว จะรู้ทุกเรื่องราวของเบิร์นไปยันอดีตของประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ไม่น่าเชื่อที่ในเขตเมืองเก่ายังมีโรงหนังหลายแห่ง บรรยากาศของเมืองนับเป็นเอกลักษณ์ที่เป็นรูปแบบเฉพาะตัว ท่ามกลางทิวทัศน์ที่รายรอบไปด้วยสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น เห็นแล้วต้องบอกว่าสมแล้วที่องค์การยูเนสโกยกให้เป็นเมืองมรดกโลก
เดินเร่ไปจนถึงอาคารรัฐสภา (Bundeshaus) ที่ตั้งโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ใจกลางเมือง นี่คือสิ่งปลูกสร้างกลางศตวรรษที่ 19 ที่ทำให้เบิร์นเหมือนใส่สูทผูกไท ดูเป็นทางการเหลือเกิน แต่ก็เป็นมุมน่ามองไม่แพ้มุมไหนๆ ของเบิร์น ยังมีอีกมุมหนึ่งของเบิร์น ที่ทำให้เมืองนี้กลายเป็นเมืองคลาสสิกโดยไม่รู้ตัว นั่นคือสะพานหินโบราณ (Untertorbrucke) สะพานหินเก่าแก่ที่ใช้ในการสัญจรข้ามแม่น้ำอาเร และมุมแบบนี้ ไม่ใช่แค่เป็นทางผ่าน แต่หลายคนใช้เป็นจุดชมวิวประจำเมือง
จะว่าไป เบิร์นเที่ยวนี้โชคดีที่เจอในวันไม่ปกติ เทศกาลปลุกเบิร์นให้เป็นเมืองชื่นบาน แต่ถึงแม้จะเป็นวันที่ไร้เสียงดนตรีและความรื่นเริง เบิร์นก็เป็นนครหลวงที่ยิ้มสวยอยู่แล้ว เพราะเบิร์นไม่ใช่เมืองหลวงกระด้างๆ แต่เป็นเมืองที่อวลอาบไปด้วยวัฒนธรรมและวิถีที่งดงามเสมอ
– จากกรุงเทพบินไปซูริค สายการบินเอมิเรตส์มีเที่ยวบินไปกลับทุกวัน
– จากซูริคนั่งรถไฟต่อไปเมืองเบิร์นได้อย่างสะดวกสบาย มีรถไฟออกชั่วโมงละ 2 ขบวน คลิกไปดูรายละเอียดได้ที่ www.raileurope.co.th
– แค่คลิกเข้าไปสำรวจใน www.agoda.com โรงแรมในเบิร์นก็เรียงหน้าออกมาให้เราคัดตัวเต็มไปหมด อยากได้ถูกแพงแค่ไหนเลือกได้ตามใจชอบ อยากสะดวกก็เลือกทำเลใกล้สถานีรถไฟ