Bali : Land of Nature & Culture
Story by Vacationist Team
ในช่วงต้นเดือนมกราคมเป็นช่วงฤดูหนาว หลายคนเก็บกระเป๋าเตรียมเสื้อผ้าหนาๆ เดินทางไปท่องเที่ยวดินแดนแห่งหิมะและน้ำแข็ง แต่สำหรับผมที่ไม่ค่อยถูกโลกกับอากาศเย็นมากนักขอเลือกที่จะเดินทางท่องเที่ยวในเมืองที่มีอากาศกำลังดี และไม่ไกลจากเมืองไทยมากนักดีกว่า ตามผมไปเข้าวัด ไหว้พระ ทำบุญกันที่บาหลี อินโดนีเซียกัน

อุณหภูมิเฉลี่ย 26-27 องศาเซลเซียส เป็นอุณหภูมิในช่วงนี้ของบาหลี บรรยากาศราวกับทั้งเมืองติดเครื่องปรับอากาศ ด้วยเกาะบาหลีเป็นเกาะที่ตั้งอยู่ปลายตะวันออกสุดของเกาะชวา รู้จักกันดีในหมู่นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวทางธรรมชาติว่าเป็นเกาะที่สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี มีแหล่งท่องเที่ยวที่ตอบรับความต้องการได้หลากหลาย ยิ่งไปกว่านั้นยังมีสถานที่โบราณตั้งแต่หลาย 100 ปีก่อน ให้ได้เข้าไปเยี่ยมชมกันอีกด้วย ที่สำคัญคือราคาไม่ได้สูงมากอีกด้วย แม้ว่าโลเกชันของเกาะนั้นปลอดจากพายุรุนแรง แต่ก็อาจมีคลื่นลมบ้างตามฤดู อันนี้ก็ขึ้นกับดวงใครดวงมันแล้ว
การเดินทางไปบาหลีนั้นค่อนข้างสะดวก มีสายการบินตรงจากเมืองใหญ่ของนานาประเทศสู่บาหลี ให้เลือกใช้บริการมากมาย เช่น เกาหลี ญี่ปุ่น สิงคโปร์ มาเลเซีย เมืองใหญ่ในออสเตรเลีย รวมถึงเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพฯ โดยมีปลายทางที่กรุงเดนพาซาร์ (Denpasar) เมืองหลวงของเกาะบาหลี สำหรับที่ท่องเที่ยวหลักๆ นั้นได้แก่
วัดน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ / วัดเทอร์ตาเอมปูล (Pura Tirta Empul –ปูราตีร์ตาเอิมปุล)

วัดน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ (Pura Tirta Empul) เป็นวัดฮินดูที่ตั้งอยู่ในเมืองเทมภัคสิริงค์ (Tampaksiring) บนเกาะบาหลีสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 10 โดยกษัตริย์ของอาณาจักรวาร์มาเดวา สำหรับภาพจำของที่นี่ คือหนีไม่พ้นภาพของชาวบาหลีหรือนักท่องเที่ยวที่ต่อคิวกันอาบน้ำที่นี่ มาจากความเชื่อว่าน้ำจากบ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เป็นน้ำอมฤตที่มีพลังในการชำระล้างสิ่งชั่วร้าย ขับไล่โรคภัยไข้เจ็บ และช่วยให้ชีวิตมีความเจริญรุ่งเรือง

ต้นกำเนิดของน้ำพุมาจากภูเขาไฟบาตูร์ (Mount Batur) มีอุณหภูมิประมาณ 37 องศาเซลเซียส ที่นี่เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ถึง 17.00 น. ค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ 20,000 รูเปียห์ และเด็ก 10,000 รูเปียห์ นักท่องเที่ยวควรชุดขาวหรือโสร่งห้ามใส่กางเกงขาสั้น ห้ามใส่กระโปรงเปียก ห้ามผู้หญิงที่อยู่ในช่วงมีประจำเดือนเข้า โดยที่นี่จะมีโสร่งให้เช่าเพื่อใส่เข้าไปด้านใน โสร่งที่นี่จะเป็นโสร่งแบบ ผู้ชายใส่ได้ ผู้หญิงใส่ดี

เมื่อเข้าไปภายในวัด ก่อนลงแช่ตัวในบ่อน้ำควรล้างเท้าและมือที่บริเวณสระน้ำด้านหน้าบ่อน้ำ ชำระล้างร่างกาย จากนั้นจึงเดินลงไปกวักน้ำมาดื่ม และนำมาล้างหน้า ตามด้วยรดศีรษะตามลำดับ แช่ตัวในบ่อน้ำ แต่ถ้าไม่ต้องการมาอาบน้ำพุก็สามารถมาเพลิดเพลินกับความสวยงามของวัดได้ ไม่ว่าจะเป็น ศาลากลางวัด (Pura Penataran Agung Tirta Empul) ซึ่งประดิษฐานรูปปั้นของพระวิษณุ เทพเจ้าแห่งน้ำ ศาลาอาบน้ำ (Pura Pancuran) ซึ่งประดิษฐานรูปปั้นของเทพเจ้าและเทพธิดาต่างๆ วิธีการเดินทางจากเมืองอูบุด (Ubud) ขึ้นไปทางเหนือ ซึ่งอยู่ระหว่างทะเลสาบ Danau Batur กับ Kintamani สามารถเดินทางโดยการเช่ามอเตอร์ไซค์หรือไปกับทัวร์ แต่ผมแนะนำว่าไปกับทัวร์ก็สะดวกดี
วัดปุราเบซากิห์ (Pura Besakih)
วัดปุราเบซากิห์ เป็นวัดในศาสนาฮินดูที่มีความสำคัญที่สุดและใหญ่ที่สุดบนเกาะบาหลี คนบาหลียกให้เป็นวัดหลวง (Mother Temple) มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าพันปี ประกอบไปด้วย ประกอบด้วยวัดเล็กๆ อีก 23 แห่ง เรียงรายอยู่เป็นขั้นกว่า 7 ขั้นไปตามไหล่เขา วัดที่สูงที่สุดมีความสูงถึง 1,058 เมตร วิหารน้อยๆ ถึง 86 วิหาร รายล้อมไปด้วยทุ่งนา ภูเขา และแม่น้ำลำธาร มีแท่นบูชาขนาดใหญ่ 3 บัลลังก์สำหรับเทพเจ้า 3 องค์ คือพระศิวะ สดาศิวะ และปรมศิวะ ตั้งอยู่บนฐานเดียวกัน แต่ละแท่นมีผ้าสีต่างๆ ผูกล้อมเป็นการแสดงความเคารพสักกาะต่อเทพเจ้า ตามความเชื่อที่ว่า เทพเจ้าและบรรพบุรุษจะประทับอยู่ที่ภูเขา ซึ่งอยู่ด้านหลังตัววัดนั่นคือ ภูเขาไฟกุนุงอากุง (Gunung Agung) ที่สูงที่สุดในเกาะนั่นเอง

ในแต่ละวันชาวบาหลีก็จะเดินทางมาประกอบพิธีทางศาสนาอยู่เรื่อยๆ และในช่วงระหว่างเดือนมีนาคม-เมษายนของทุกปี วัดจะจัดพิธีทางศาสนาที่สำคัญ คือ พิธี บาคารา ตูรุน กาเบะห์ ซึ่งแปลว่า ทวยเทพเสด็จมาพร้อมเพรียงกัน ผู้คนจะหลั่งใหลมาจากทั่วบาหลี นำของเซ่นไหว้มาสักการะบูชา ใส่พานเทินบนศีรษะ การแต่งกายเข้าวัดเช่นเดียวกับวัดอื่นๆในเกาะคือ ต้องนุ่งโสร่ง ไม่มีไม่ต้องกังวล ทางวัดมีบริการให้เช่า และค่าเข้าชมอยู่ที่ 60,000 รูเปียห์
วัดเลมปูยางค์ (Lempuyang Temple)
ถ้าพูดถึงวัดเลมปูยางค์ หรือคนไทยเรียกว่า วัดกระจก มีกลิ่นอายที่สะท้อนศิลปะวัฒนธรรมของชาวบาหลีตามคติความเชื่อของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู อยู่เหนือระดับน้ำทะเลราว 1,000 เมตร ภาพจำของใครหลายต่อหลายคนที่เรียกว่าเป็นไฮไลต์ของที่นี่ก็คงเป็น ประตูสวรรค์ (Heaven Gate) ภาพของคนยืนอยู่ระหว่างช่องประตู และมีฉากหลังเป็นภูเขาไฟอากุง หนึ่งในภูเขาไฟที่สูงและทรงพลังของที่นี่ จุดถ่ายภาพสุดฮิตที่ช่างภาพใช้กระจกสะท้อนใต้กล้อง ทำให้ได้ภาพที่สวยงามราวกับมีทะเลสาบอยู่บริเวณหน้าประตู

พื้นที่ของวัดแบ่งเป็น 3 ส่วนเหมือนกับร่างกายมนุษย์ ด้แก่ ศีรษะ ร่างกาย และปลายเท้า เชื่อกันว่าชั้นบนสุดเป็นที่ประทับขององค์พระศิวะ โดยที่ชั้นบนสุดเป็นที่ประทับขององค์พระศิวะ หนึ่งในเทพเจ้าสูงสุด 3 พระองค์นั่นเอง
วัดอูลันดานูบราตัน (Pura Ulun Danu Bratan)

วิหารกลางน้ำที่งดงามตระการตา ตั้งอยู่ท่ามกลางทะเลสาบบราตันอันเงียบสงบ ที่อยู่ด้านหลังธนบัตรแบบ 50,000 รูเปี๊ยะห์ของอินโดนีเซีย คือภาพของวัดอูลันดานูบราตันนั่นเอง ตั้งอยู่บริเวณริมทะเลสาบบราตันในพื้นที่เมืองเบดูกัล เขตตาบานัน ทางทิศตะวันออกของเกาะบาหลี โดยวัดนี้อยู่ห่างจากเมืองเดนปาซาร์ ซึ่งเป็นเมืองหลักของเกาะบาหลีประมาณ 50 กิโลเมตร สร้างขึ้นโดยกษัตริย์ราชวงค์เม็งวี เมื่อประมาณปีค.ศ. 1624 ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 17 อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,200 เมตรสร้างขึ้นมาเพื่อบูชาเทวีดานูเทพแห่งน้ำและทะเลสาบ เนื่องจากทะเลสาบบราตันเป็นสายน้ำสำคัญหัวใจของการทำเกษตรกรรมของชาวบาหลีในสมัยนั้น

วัดเปิดตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น. โดยค่าเข้าชมวัดของผู้ใหญ่ที่เป็นชาวต่างชาติอยู่ที่คนละ 75,000 รูเปียห์อินโดนีเซีย และราคาสำหรับเด็กต่างชาติ (อายุ 5-10 ปี) อยู่ที่ 50,000 รูเปียห์ การแต่งกายให้สุภาพเรียบร้อยตามประเพณีของชาวบาหลี หรือสวมเสื้อผ้าที่คลุมขา ไหล่ ไปจนถึงเท้า ไฮไลต์อยู่ที่ตัววิหารซึ่งมีลักษณะสถาปัตยกรรมสไตล์บาหลีแบบโบราณ เป็นหลังคาทรงสูง มีฟางซ้อนกันเป็นชั้น 11 ชั้น ๖จำนวนหลังคาสำหรับเทพจะมีจำนวนคี่เสมอ) โดดเด่นอยู่กลางทะเลสาบกว้างที่มีสีเขียวของธรรมชาติรายล้อมอยู่รอบด้าน ใน ยิ่งช่วงเช้าในบางวันที่มีหมอกขาวๆ ลอยปกคลุมอยู่จางๆ ยิ่งสวยเข้าไปใหญ่ ภายในตกแต่งผนังด้วยลวดลายที่สวยงาม ด้านหลังเป็นวิวภูเขาไฟ
วัดทานาล็อต (Tanah Lot)

เป็นวัดกลางทะเลอยู่ในเขตชายฝั่งทาบานัน มีความสำคัญแห่งหนึ่งในเกาะบาหลี เชื่อว่าหลายคนต้องเคยผ่านตากันมาไม่น้อย คำว่า “ทานา” หมายถึง โลก ส่วนคำว่า “ลอต” แปลว่า ทะเล จึงมีความเชื่อว่าวัดแห่งนี้เป็นสัญลักษณ์ของการบรรจบของธรรมชาติและจักรวาล วัดทานาห์ลอตทตั้งอยู่บนชายหาดริมทะเล 1 ใน 7 ของเกาะบาหลี สร้างโดยนักบวชฮินดู ชื่อว่า ดัง ฮยัง นิราร์ธา ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 11เพื่อบูชาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลเชื่อกันอีกว่าใต้โขดหินใหญ่ที่วัดนี้ตั้งอยู่นั้นมีงูยักษ์คอยปกปักษ์วัดนี้จากเหล่าวิญญาณชั่วร้าย

ความโดดเด่นของวัดนี้อยู่ตัววิหารสร้างบนโขดหินที่สามารถเข้าไปเยี่ยมชมภายในได้เมื่อน้ำลง มีทิวทัศน์และบรรยากาศที่สวยงาม ยิ่งเวลาพระอาทิตย์กำลังจะตกดินยิ่งสวย สำหรับการเข้าชมวัดนั้นอนุญาตให้เข้าไปข้างในได้เฉพาะผู้มาสักการะเท่านั้น หากนักท่องเที่ยวต้องการมาชมความงดงามของพระอาทิตย์ตกสามารถชมได้จากเนินหินที่อยู่ใกล้ๆกัน
วัดอูลูวาตู (Uluwatu Temple)

วัดอูลูวาตู ตั้งอยู่บนยอดของหน้าผาสูงเกือบ 70 เมตร อูลูวาตูคือชื่อของปลายแหลมซึ่งมีลักษณะเป็นผาสูงที่อยู่ทางตอนใต้สุดของบาหลี เป็นวัดสำคัญแห่งหนึ่งในเกาะบาหลี สร้างขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 11 และได้มีการบูรณะในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 ถูกสร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพแห่งท้องทะเลตามความเชื่อของชาวอินโด

ภายในวัดจะแบ่งเป็นสวน 3 ส่วนตามความเชื่อ คือ สวรรค์ มนุษย์ และ ภูตผีปีศาจ ประตูของวัดเป็นโครงสร้างแบบบาหลีประตูที่ออกแบบตามประเพณีและประติมากรรมโบราณแกะสลักหินเป็นรูปปีกครุฑตั้งอยู่สองข้าง ไฮไลท์เป็นทิวทัศน์สีครามของท้องทะเลกว้างสุดสายตาแบบ 180 องศา บริเวณวัด มีทางเดินยาวเหยียดเลียบไปตามริมหน้าผา ให้เราได้เพลิดเพลินกับการชมวิวทิวทัศน์โดยรอบที่ดูร่มรื่นสวยงาม ที่นี่ยังเป็นหนึ่งในจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดของเกาะบาหลี นอกจากนี้ยังมีการแสดง Kecak Dance (Kakak Monkey Dance) สน่าตื่นตาให้ชมกันในช่วงเย็นของทุกวัน สามารถซื้อตั๋วเพื่อเข้าชมการแสดงได้ด้วย
ระบำ เคจั๊ก (Kecak Dance) & ระบำ บารอง (Barong Dance)

ระบำ เคจั๊ก (Kecak Dance) การแสดงระบำแบบดั้งเดิมที่เรียกได้ว่ามีชื่อเสียงที่สุดในบาหลี มีความโดดเด่นเนื่องจากดนตรีมาจากคณะนักร้องชายขนาดใหญ่ที่ร้องว่า จัก มักจะบรรยายตัดตอนมาจากวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ ซึ่งเป็นมหากาพย์โบราณของอินเดีย เรื่องราวของรามเกียรติ์ถูกถ่ายทอดผ่านการเคลื่อนไหวของนักระบำที่สวมใส่ชุดและหน้ากากที่ประณีตเพื่อแสดงตัวละครเช่น พระราม นางสีดา หนุมาน และ ทศกัณฐ์

ส่วนระบำบารอง (Barong Dance) มาจากชื่อ บารองเป็นสัตว์ในตำนาน ซึ่งมีหลังอานยาวและหางงอนโง้ง เป็นสัญลักษณ์แทนวิญญาณดีงาม ซึ่งเป็นผู้ปกปักษ์รักษามนุษย์ต่อสู้กับรังดา เรื่องราวจะเกี่ยวการต่อสู้กันระหว่างฝ่ายดีและปีศาจ บารอง ตัวแทนฝ่ายดีเป็นคนครึ่งสิงห์ ส่วนรังดา มารร้าย เป็นพ่อมดหมอผีฝ่ายอธรรม มีผู้แสดงประกอบเป็นสมุนของทั้งสองฝ่ายอีกหลายตัว ซึ่งจะต่อสู้กันจนฝ่ายธรรมะได้รับชัยชนะในที่สุด ระบำบารางเป็นนาฏกรรมศักดิ์สิทธิ์ การร่ายรำจะมีท่าทางที่อ่อนช้อยงดงาม การแสดงนั้นจะใช้เครื่องดนตรีทองเหลืองทั้งหมด
นาขั้นบันไดจาตีลูวีห์ (Jatiluwih Rice Terraces)
นาขั้นบันไดถือว่าเป็น ที่ท่องเที่ยวอีกแบบในบาหลีที่ได้รับความนิยม และหลายที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมเมื่อปี 2012

สำหรับหมู่บ้านจาตีลูวีห์นี้เป็นหมู่บ้านเดียวที่ปลูกปาดี บาหลีหรือข้าวพันธ์ท้องถิ่นที่มีลำต้นยาวสวย ส่วนนาขั้นบันไดจาตีลูวีห์เปิดทำการตั้งแต่ 8.00 น. ถึง 18.00 น. ทุกวัน แต่สามารถเข้าชมนาขั้นบันไดได้ครั้งสุดท้ายเวลา 17.00 น. ประกอบด้วยทุ่งนากว่า 600 เฮกตาร์ที่ทอดยาวตามแนวเขาบาตูคารัส (Batukaru) เนื่องจากที่นี่ตั้งอยู่ในความสูง 700 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ทำให้บรรยากาศค่อนข้างเย็นสบาย
หาดเคลิงคิง (Kelingking Beach) และแหลม T-rex
หาดเคลิงคิง หาดสุดสวยแห่ง เกาะนูซา ปนีดา (Nusa Penida) เกาะยอดฮิต ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของบาหลี มีเอกลักษณ์เป็นชายหาดสีขาวสั้นๆ เรียกว่า Kelingking Beach แหลมรูปทรงคล้ายไดโนเสาร์ T-rex ยื่นออกสู่ท้องทะเลสีสวย เหมาะกับการไปเที่ยวแบบ One Day Trip

ชายหาดและน้ำไม่เหมาะกับการเล่นน้ำ เพราะคลื่นลมค่อนข้างแรง แต่คนนิยมมาที่เพื่อชมวิวมุมสูง ราสามารถไต่ขึ้นไปดูวิวของผาหัวไดโนเสาร์ และท้องทะเลอันกว้างใหญ่ หากไปเที่ยวในช่วงเย็นๆ ก็จะมีโอกาสได้ชมวิวอาทิตย์ตกดินที่สวย และมีเสน่ห์เป็นอย่างมาก