Golden Circle : Iceland
ไอซ์แลนด์จัดได้ว่าเป็นหนึ่งในประเทศกลุ่มสแกนดิเนเวียที่มีความเจริญและความปลอดภัยเป็นอย่างมาก ทำให้ถูกเลือกให้เป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัวแห่งหนึ่ง(และต้องงบในการเดินทางค่อนข้างสูง) เนื่องจากไอซ์แลนด์วัฒนธรรมของคนในท้องถิ่นนั้นให้ความสำคัญกับความปลอดภัย ทำให้อัตราการเกิดอาชญากรรม
น้อยมากและไอซ์แลนด์ครองตำแหน่งแชมป์ในดัชนีสันติภาพโลก (GPI) มาติดต่อกันเป็นปีที่สิบ

นอกจากเรื่องผู้คนสภาพแวดล้อมอย่างเช่นอากาศก็เรียกว่าไม่เป็นปัญสำหรับเด็กและผู้สูงอายุ ช่วงฤดูที่อากาศหนาวจัดแนะนำให้มาซื้อหรือเช่าอุปกรณ์กันหนาวที่นี่เลยจะเหมาะสมและอบอุ่น ความหนาวที่ประสบก็จะแลกมาด้วยความสวยงามของแสงเหนือที่น่าประทับใจถือได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่าทีเดียว
สำหรับคนที่กำลังวางแผนจะเดินทางมาไอซ์แลนด์ แนะนำให้ใช้บริการเช่ารถขับหรือซื้อแพ็คเกจเดย์ทริปก็สะดวกดีไม่ใช่น้อยจากประเทศไทยมีไม่มีสายการบินที่บินตรงมุ่งหน้ามาไอซ์แลนด์โดยมากต้องแวะเปลี่ยนเครื่องกันที่เมืองใดเมืองหนึ่งของยุโรปก่อนเพื่อต่อไฟลท์ไปยังเมืองเรคยาวิค (Reykjavik) เมืองหลวงของไอซ์แลนด์อีกครั้ง ยกตัวอย่างเช่นฟินแลนด์หรือเดนมาร์กก่อน ผู้เดินทางต้องยื่นขอวีซ่าผ่านประเทศเดนมาร์กเท่านั้น โดยมี VFS เป็นศูนย์รับเรื่องการยื่นเอกสารไอซ์แลนด์ สำหรับเวลาที่ไอร์แลนด์จะมีเวลาที่ช้ากว่า
ไทย 7 ชั่วโมง

เส้นทางท่องเที่ยวยอดฮิตติดลมบนที่ต้องมาสัมผัสคงหนีไม่พ้นเส้นทางวงแหวนทองคำ (The Golden Circle)เส้นทางวงแหวนทองคำเป็นเส้นทางท่องเที่ยวทางตอนใต้ของประเทศไอซ์แลนด์ ครอบคลุมระยะทางประมาณ 300 กิโลเมตร (190ไมล์) โดยวนจากเรคยาวิกไปยังพื้นที่สูงทางตอนใต้ของไอซ์แลนด์และย้อนกลับ เป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดและเป็นเส้นทางที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในไอซ์แลนด์ จะผ่านสถานที่ที่โดดเด่น 3 แห่ง ได้แก่หุบเขารอยแยกระหว่างทวีปที่อุทยานแห่งชาติธิงเวลลีย์ (Þingvellir National Park) ทุ่งน้ำพุร้อนเฮยคาดาลูร์ (Haukadalur Geothermal Valley) หรือน้ำพุร้อนไกเซอร์ (Geysir Geothermal Area)และ น้ำตกกุลล์ฟอสส์ (Gullfoss waterfall)อันยิ่งใหญ่ ส่วนจุดแวะอื่นๆ ได้แก่ ปล่องภูเขาไฟเคริ, เมืองเฮเวอเรเจอรี, วิหารสกัลฮอลต์ตลอดจนโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพเนสยาเวลีร์ และเฮลิสเฮอาวิจุน

เห็นมีที่เที่ยวหลากหลายขนาดนี้แต่การเดินทางไปยังเส้นทางวงกลมทองคำนั้นไม่ได้ลำบากเลยสามารถขับรถไม่เกิน 2 ชั่วโมงจากเมืองเรคยาวิก (Reykjavík) เมืองหลวง และยังสามารถไปเยี่ยมชมทั้ง 3 สถานที่ได้ภายในวันเดียว เพราะการขับรถไปเที่ยวแต่ละแห่งสะดวก ไม่ต้องขับรถกลับไปกลับมาให้เสียเวลา เพราะสามารถขับวนเป็นวงกลมได้เส้นทางนี้มีรถมินิบัสทัวร์พาเที่ยว ราคาเริ่มต้นประมาณ 50 ยูโรต่อคนขึ้นอยู่กับช่วงเวลาจำนวนชั่วโมงและสิ่งอำนวยความสะดวก
อุทยานแห่งชาติซิงเควลลิร์(Thingvellir National Park)
อุทยานแห่งชาติซิงเควลลิร์เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศไอซ์แลนด์ ตั้งอยู่ระหว่างรอยแยกของหุบเขากับทะเลสาบทางธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ตามแผนที่ในประเทศไอซ์แลนด์ อยู่ใกล้กับคาบสมุทรเรกยาเนส (Reykjanes) และภูเขาไฟเฮนกิลล์ (Hengill)เป็นรอยต่อระหว่างทวีปยูเรเซีย (เป็นมหาทวีปที่รวมเอาทวีปยุโรป กับทวีปเอเชียเข้าด้วยกัน

โดยเส้นแบ่งของทวีปยุโรปกับเอเชียคือเทือกเขายูราล) และทวีปอเมริกาเหนือ และยังมีร่องแยกแผ่นดินที่เกิดจากแผ่นดินไหวเมื่อปี ค.ศ.1784 เป็นทางยาวหลายหมื่นกิโลเมตร องค์การยูเนสโก (UNESCO) ได้ขึ้นทะเบียนให้อุทยานแห่งนี้เป็นมรดกโลกด้านวัฒนธรรมใน ปี ค.ศ.2004 เนื่องจากที่นี่เคยเป็นรัฐสภาชาวไวกิ้งที่อยู่ไอซ์แลนด์ 48 เผ่า ได้นัดมาประชุมกันที่นี่ครั้งแรกเพื่อแสดงความคิดเห็นและคัดเลือกผู้นำของไอซ์แลนด์ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 930 จากนั้นก็ได้มีการประชุมกันทุกปีในเดือนมิถุนายนเพราะได้รับแสงแดดเกือบตลอด 24 ชั่วโมง

ในปี ค.ศ. 1000 มีประกาศให้ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาประจำชาตทิ ีนี่ และยังเป็นสถาที่บัญญัติกฎหมายอีกด้วย ที่เรียกว่า Law Rock เรามองเห็นอาคารสีขาว คำว่าซิงเควลลิร์ (Thingvellir)เป็นชื่อภาษาอังกฤษที่ถูกถอดออกมาจากคำว่า ÞINGVELLIR ในภาษาไอซ์แลนด์ โดย“Þing” หมายถึง รัฐสภา และ “Vellir” คือที่ราบ เมื่อมารวมกันแล้วจึงได้เป็นคำว่าที่ราบสำหรับการประชุมรัฐสภารอยแยกนี้มีความลึกลงไปใต้ดินถึง 14เมตร เกิดจากแผ่นดินไหวเมื่อปี ค.ศ. 1784ถึงจะไม่มีเหตุการณ์การระเบิดของภูเขาไฟแล้วแต่ยังคงมีแผ่นดินไหวอยู่เสมอ รอยแยกจึงเคลื่อนออกจากกันเฉลี่ย 2.5 ซม. (ประมาณ 2 นิ้ว) ในทุกๆ ปี ตอนนี้ตรงที่แยกกว้างที่สุดกว้างกว่า 10 เมตรรอยเลื่อนยาวกินพื้นที่ตั้งแต่บริเวณพื้นดินไปจนถึงบริเวณรอยแยกใต้น้ำที่เรียกว่า ซิลฟรา (Silfra) ถูกจัดอันดับเป็น 1 ใน 5 จุดดำน้ำที่ดีที่สุดในโลกและ เป็นการดำน้ำระหว่างสองทวีปที่เหล่านักดำน้ำทั้งหลายจะพลาดไม่ได้เลย อุทยานแห่งชาติธิงเวลลีย์มักจะเป็นจุดท่องเที่ยวจุดแรกในวงกลมทองคำ เพราะห่างจากเมืองเรคยาวิกเพียง 45 นาที
น้ำพุร้อนเกย์ซีร์ (Geysir Geothermal Area) แห่งหุบเขาฮัวกาดาลู(Valley Alley Of Haukadalur)
ภาพของไอน้ำร้อนที่พวยพุ่งสู่ท้องฟ้าที่ความสูงกว่า 200 ฟุต ทุกๆ 7-10 นาที เป็นภาพที่เห็นประจำของน้ำพุร้อนแห่งนี้ ว่ากันว่ามันปะทุแบบนี้มาประมาณ 10,000 ปีแล้วโดยหลักฐานแรกเขียนขึ้นใน ค.ศ. 1294เมื่อแผ่นดินไหวทำให้เกิดน้ำพุร้อนที่เกิดจากพลังงานที่อยู่ใต้หินเปลือกโลกปล่อยกระแสน้ำร่วมกับไอน้ำออกมาเป็นระยะๆไม่สม่ำเสมอ การพวยพุ่งขึ้นไปแบบนี้ เรียกว่าไกเซอร์ ซึ่งเป็นชื่อต้นแบบของการเรียกชื่อน้ำพุร้อนในลักษณะแบบนี้ น้ำพุร้อนเกย์ซีร์ (Geysir Geothermal Area) อยู่ในระยะ 30 กม. ทางตะวันออกของไอซ์แลนด์ตอนใต้จากเมืองหลวงเรคยาวิก ซึ่งใช้เวลาขับรถ 90 นาที หรือประมาณ 50 นาที

จากอุทยานแห่งชาติธิงเวลลีย์ ที่นี่ยังสามารถพบเห็นการปะทุของภูเขาไฟที่รุนแรงที่มี
มากขึ้นเรื่อยๆ ตลอดเส้นทางนี้อีกด้วย ที่น้ำพุร้อนเกย์ซีร์เปิดตลอดทั้งปีและเข้าชมได้ฟรี
ไม่มีค่าใช้จ่าย

วิธีสังเกตจังหวะการพุ่งของน้ำ ดูได้จากน้ำที่เอ่อขึ้นอย่างรวดเร็ว น้ำใสที่เกือบเดือดจะปูดเป็นรูปโดมอยู่ระยะหนึ่ง หลังจากนั้นก็ระเบิดพลุ่งขึ้นพร้อมเสียงคำรามกึกก้องสามารถสังเกตพร้อมกับลุ้นการเกิดน้ำพุร้อนในแต่ละครั้งด้วยความตื่นเต้น แนะนำให้ใส่เสื้อผ้าที่ให้ความอบอุ่น เนื่องจากไม่มีที่กำบังลมค่อนข้างแรง โดยเฉพาะช่วงตอนเย็นที่คนไม่ค่อยเยอะ ลองขึ้นไปบนเนินเขาที่ล้อมรอบเพื่อชมภาพในมุมสูงก็จะได้ภาพที่แปลกตา

น้ำตกกุลล์ฟอสส์ (Gullfoss Waterfall) หรือ น้ำตกทองคำ
กุลล์ฟอสส์ ในภาษาไอซ์แลนด์หมายถึง น้้ำตกทองคำ น้้ำตกห่งนี้ไหลมาจากธารน้ำแข็งของแม่น้ำควิทอา (Hvítá) หรือที่รู้จักกันในชื่อ “White River” มีต้นกำเนิดอยู่ที่ Langjökull ซึ่งเป็นธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของประเทศไอซ์แลนด์ ยิ่งใหญ่และสวยงามจนได้รับสมญานามว่าเป็นน้ำตกไนแองการ่าแห่งไอซ์แลนด์ ได้รับการรับรองให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติจากองค์การยูเนสโก

ที่นี่ถือเป็นอีกหนึ่งความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่เกิดจากการละลายของธารน้ำแข็งจากเรคยาวิกไปยังน้ำตกฯ ใช้เส้นทาง Vesturlandsvegur /ถนนหมายเลข 49 ระยะเวลา 3 นาที (1.3 กม.) จากนั้นตามÞjóðvegur 1, Biskupstungnabraut และถนนหมายเลข 35 ไปทาง Gullfoss Parking มุ่งไป Suðurland ระยะเวลา 1 ชม. 31นาที (116 กม.) จากนั้นขับไปทาง Gullfoss Parking น้ำตกนี้ห่างจากไกเซอร์ ไม่เกิน 10 นาทีภาพของสายน้ำใสสะอาดที่เกิดจากการละลายของธารน้ำแข็งบนยอดเขาหลายล้านแกลลอนไหลถาโถมลดระดับลงรอยแยกโตรกเขา ทั้ง 2 ด้าน มีความสูง 32 เมตร (105 ฟุต) มีความแรงสูงสุดในช่วงหน้าร้อนอยู่ที่ ประมาณ140 ลูกบาศกเ์ มตร ( 4944 ลูกบาศก์ฟุต) ต่อวินาที ทำให้เกิดเป็นกลุ่มละอองน้ำสีขาวคล้ายกลุ่มควันพุ่งขึ้นมาจากหุบเขาลึกสามารถมองเห็นได้หลายไมล์ทั้งยิ่งใหญ่สวยงามและอลังการหาดูยาก

แถมยังเดินทางเข้าถึงได้สะดวกสบายเพราะสามารถเดินจากที่จอดรถเพียง 100-200 เมตร นักท่องเที่ยวต้องเดินอยู่ในเส้นทางที่กำหนดไว้เป็นอีกจุดที่ต้องห้ามพลาด แม้ว่าน้้ำตกจะเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปีแบบไม่เสียค่าเข้าชม แต่ในช่วงฤดูร้อน ระหว่างเดือนกรกฎาคม –สิงหาคมจะเป็นฤดูท่องเที่ยวนักท่องเที่ยวก็จะคึกคักเป็นพิเศษนี่เป็นตัวอย่างของจุดท่องเที่ยวหลัก 3 จุดบนเส้นทางวงแหวนทองคำ (The Golden Circle) ที่สามารถเดินทางท่องเที่ยวใน 1 วันได้ และเหมาะกับครอบครัวแม้จะมีเด็กก็สามารถเดินทางได้ไม่ยากนัก
