เที่ยวเมืองเก่าเข้าอุทยานใน “โครเอเชีย”
Story & Photo by Kanjana Hongthong
ประกาศตัวไปทั่วว่าเป็นนักท่องตลาด สำหรับฉัน ตลาดจึงเป็นที่หมายลำดับต้นๆ เสมอเมื่อไปถึงเมืองปลายทาง จำพวกถนนสายช้อปปิ้ง พิพิธภัณฑ์ หรือ ศาสนสถานจึงมักจะเป็นเรื่องรองเสมอ ยิ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวจำพวกน้ำตก ทะเลสาบ ถ้ำ อุทยานแห่งชาติอะไรพวกนี้ ยิ่งเก็บไว้เป็นทางเลือกหลังๆ อยู่เป็นประจำ
ครั้นเมื่อแขวนตัวเองอยู่บนแผนที่โครเอเชีย ตัวยังท่องนครหลวงอย่างซาเกร็บอยู่ แต่สายตาไปสะดุดบางสิ่งบนแผนที่โครเอเชีย จนทำให้ต้องคลิกไปค้นบนโลกออนไลน์ต่อ พลิตวิเซ (Plitvice) เป็นชื่อของตัวการที่ทำให้ใจปั่นป่วน พูดก็พูดเถอะ รายชื่อน้ำตกที่จะทำให้ใจของฉันหวั่นไหวได้ก็มีแต่น้ำตกอิกัวซู วิคตอเรีย และไนแองการาเท่านั้น แต่โนเนมอย่างพลิตวิเซไม่ควรเข้ามาปั่นป่วนใจได้ขนาดนี้
จากซาเกร็บครั้นจะนั่งรถพุ่งไปหาเมืองเล็กเมืองน้อยที่ทอดตัวอยู่ริมทะเลอะเดรียติคเลยก็ดูจะรวบรัดตัดตอนไป ลองใจได้วอกแวกซะขนาดนี้แล้ว ขอโฉบไปเห็นดวงหน้าของพลิตวิเซเสียหน่อย คงไม่ทำให้แผนการท่องโครเอเชียเสียหาย
ระยะทางแค่ 150 กว่ากิโลเมตรจากซาเกร็บ เป็นการนั่งรถที่อารมณ์ทึมเทาตามอากาศ ไม่ถึงขั้นขุ่นมัวแต่เมื่อดวงตะวันไม่ยอมโผล่มาปฏิบัติภารกิจประจำวัน
ดูเหมือนอะไรๆ ก็ดูหมองไปหมด ก็ได้แต่หวังว่าความสวยของพลิตวิเซ จะยังเบ่งบานเหมือนที่เห็นผ่านจอสี่เหลี่ยม นั่งชมวิวทุ่งหญ้าป่าเขาเพลินๆ ไปเกือบ 3 ชั่วโมงนั่นแหละ ป้ายอุทยานแห่งชาติพลิตวิเซแห่งแคว้นอิสเทรียและควาร์เนอร์ ก็โชว์หราอยู่ริมทาง
จะว่าไป โครเอเชียเองไม่ได้มีอุทยานแห่งชาติเพียงแห่งเดียว แต่ถ้าจะหาอุทยานที่มีชื่อที่สุดในประเทศ ก็คงต้องยกให้พลิตวิเซนี่แหละ อาจเป็นเพราะอยู่ในจุดที่ไปมาสะดวก อยู่บนเส้นทางหลักระหว่างซาเกรบไปดัลมาเทีย และเป็นเส้นทางลงใต้ที่สามารถเดินทางต่อไปยังเมืองทางใต้ของโครเอเชียอย่างโทรเกียร์ สปลิท ดูบรอฟนิคได้
จากอุทยานแห่งชาติธรรมดาๆ แต่ความงามความอุดมสมบูรณ์คงจะมีอยู่เยอะ หลังจากเปิดได้ 30 ปี องค์การยูเนสโก้จึงมอบสายสะพายให้เป็นมรดกโลก ดูจากป้ายจึงรู้ว่าภายในบริเวณอุทยานแห่งนี้กินพื้นที่เยอะมาก มีทั้งทะเลสาบ น้ำตก และป่าสีเขียว แต่สำหรับนักท่องเที่ยวหลักๆ เขาจะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ อัพเพอร์ เลค กับโลวเวอร์ เลค
ดีตรงที่นักท่องเที่ยวคนไหนมีเวลาก็สามารถเดินทอดน่องชมได้ทั่วอุทยานด้วยทางเดินเป็นสะพานไม้ที่ทำจากท่อนซุงซึ่งเขาทำแผ่คลุมไว้ทั่ว ใครเคยไปเที่ยวอุทยานคานาสือและจิ่วไจ้โกวมาก่อน จะนึกภาพสะพานไม้ออก เขาจะทำทางเดินไว้ให้นักท่องเที่ยวได้เดินเลาะไปตามชายน้ำ นอกจากจะได้ใกล้ชิดธรรมชาติแล้วยังช่วยอนุรักษ์ธรรมชาติทำให้คนไม่ลงไปเหยียบย่ำทะเลสาบด้วย
ไม่รอช้า ฉันพาตัวเองกระเถิบเข้าใกล้พลิตวิเซทีละนิด และพลันที่เห็นทะเลสาบจากมุมอัพเพอร์ เลค ฉันถึงกับตะลึงในความงดงามของอุทยานแห่งนี้ บนอัพเพอร์ เลค มองเห็นพื้นที่โดยรวมของพลิทวิเซได้อย่างเต็มตา ว่าลักษณะเป็นหุบเขา ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าดงดิบบนแนวเทือกเขาที่ทอดตัวโอบล้อมทะเลสาบ
ภาพของพลิตวิเซค่อยๆ ใหญ่ขึ้นๆ เสียงกระเซ็นของสายน้ำราวกับศิลปินกำลังบรรเลงเพลงอันไพเราะ ธรรมชาติช่างทรงพลังกว่าที่คิดเสมอ ฉันค่อยๆเนิบนาบย่างสองขาไปบนสะพานไม้ เพราะอยากดูดดื่มกับบรรยากาศสบายๆ ในพลิตวิเซอย่างค่อยเป็นค่อยไป
พลิตวิเซมีทะเลสาบอันสวยงามทั้งหมด 16 แห่ง เชื่อมต่อกันโดยธารน้ำตกและแอ่งน้ำที่มีสีดั่งคริสตัลและเขียวมรกตแอ่งน้ำเหล่านี้ก่อให้เกิดลำธารที่ไหลเอ่อล้นจนกลายเป็นสายน้ำตกที่พลิ้วไหว แค่เห็นสายน้ำตกที่ไหลบ่าลงมาแนบพื้น ฉันก็รีบเดินพุ่งเข้าหา เมื่อมนุษย์ใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ ก็กลายเป็นเพียงมนุษย์ตัวเล็กนิดเดียวที่ไม่อาจทำท่าอหังการใส่โลกได้ นอกจากยิ้มให้และสรรเสริญความบริสุทธิ์ผุดผ่อง
ฉากธรรมชาติอันงามตาในพลิตวิเซ ไม่ได้มีแค่ทะเลสาบและน้ำตกเท่านั้น แม้แต่แอ่งน้ำเล็กๆ ยังอุดมไปด้วยพันธ์ุไม้น้ำและปลานานาชนิด ที่นี่จึงนับเป็นแหล่งธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ นอกจากพันธุ์ไม้และสิงห์สาราสัตว์หลากชนิดแล้ว ภายในบริเวณอุทยานยังมีถ้ำมากมาย และมีพันธุ์นกกว่า 120 ชนิด
น่าเสียดายที่มีเวลาไม่มาก ไม่งั้นคงได้อ้อยอิ่งนั่งเรือล่องทะเลสาบน้อยใหญ่ภายในอุทยาน และคงได้เห็นมุมงามของพลิตวิเซมากกว่านี้ ท่ามกลางความงามของป่าเขา สีสันของธรรมชาติ และอากาศที่บริสุทธ์บนเทือกเขา บริเวณใกล้เคียงกับอุทยานยังหยิบยื่นความสะดวกสบาย ด้วยโรงแรมหรูและร้านอาหารในสไตล์ท้องถิ่น ที่ดึงดูดให้ผู้รักธรรมชาติจากทั่วทุกมุมโลกมาเยือนไม่น้อย
ข้อสำคัญพลิตวิเซงามทุกฤดูกาล และแต่ละช่วงจะมีความงดงามที่แตกต่างกันไป เช่นว่า ถ้าเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ บริเวณที่ราบลุ่มจะบานสะพรั่งไปด้วยดอกไม้และป่าที่เขียวขจี ขณะที่ฤดูใบไม้ร่วงทั่วทั้งทะเลสาบจะหลากสีสันไปด้วยใบไม้เปลี่ยนสี ทะเลสาบจะใสราวกับกระจก ส่วนฤดูหนาวทั้งป่าและบริเวณรายรอบ จะถูกปกคลุมไว้ด้วยหิมะขาวโพลน ก็ได้แต่หวังว่า จะได้เห็นพลิตวิเซอีกซักครั้งในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ช่วงที่ป่าทั้งผืนอวดสีฉูดฉาด คงจะงามเอาเรื่องอยู่
ใช้เวลากับพลิตวิเซอยู่ค่อนวัน ก่อนจะมุ่งหน้าไปหาเมืองโทรเกียร์ (Trogir) ระยะทาง 240 กิโลเมตรจากพลิตวิเซไปยังโทรเกียร์นั้นใช้เวลาร่วม 4 ชั่วโมง แต่ช่างเป็นช่วงเวลาที่ไม่น่าเบื่อเลย ฉันเพลิดเพลินกับวิว 2 ฟากฝั่งถนนอย่างไม่รู้เบื่อ นอกจากวิมานหลังน้อยหลังคาสีส้ม ที่เห็นได้ตลอดสองข้างทางแล้ว บางช่วงบางตอนยังเป็นหมู่บ้านรกร้างไร้เงาผู้คน ตัวบ้านมีร่องรอยของกระสุน
ซึ่งเป็นผลพวงจากสงครามในอดีต หมู่บ้านบางแห่งถูกปล่อยร้างไว้ แต่บางแห่งก็เริ่มได้รับการบูรณะผู้คนกลับเข้ามาใช้ชีวิตดังเดิมเมื่อถึงโทรเกียร์จึงพบว่า นี่คือเมืองไซส์เอสที่ก่อร่างสร้างเมืองตั้งแต่ยุคกรีกโรมัน และผลจากการที่เขาทะนุถนอมเมืองเก่าเอาไว้อย่างดี
ที่นี่จึงเป็นอีกเมืองหนึ่งของโครเอเชียที่ยูเนสโกให้ขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลก ช่วงเวลาสั้นๆ ที่ได้เดินลัดเลาะดูป้อมปราการ จัตุรัส และกำแพงเมือง ฉันสัมผัสได้ว่านี่คือเมืองเล็กๆ อายุราว 2 พันปีที่มีคนอยู่กันอย่างหลวมๆ
โทรเกียร์ยามแดดจางคึกคักไม่แพ้เมืองหลวงอย่างซาเกร็บเลย และด้วยความที่เป็นเมืองท่องเที่ยวผู้คนจึงหนาตาเป็นพิเศษ โดยเฉพาะตามคาเฟ่ริมทะเล ทั้งชาวเมืองและนักท่องเที่ยวนั่งกินลมชมวิวกันอย่างเพลินใจ
ห่างจากโทรเกียร์ไป 20 กิโลเมตรยังมีเมืองสปลิท (Split) เมืองที่ทอดตัวอยู่ริมทะเล ที่ดูร่าเริงเบิกบานเป็นบุคลิคประจำตัว ยิ่งเป็นซัมเมอร์ด้วยแล้วสปลิทยิ่งดูแจ่มใสกว่าปกติ
นี่คือเมืองที่มีแสงแดดไว้ต้อนรับแขกเหรื่อเกือบตลอดทั้งปี ในทะเลไม่ได้มีคลื่นลมเอาไว้ห่มนักท่องเที่ยวอย่างเดียว แต่มีเกาะแก่งสวยๆ โค้งเว้าของอ่าว และชายหาดเนียนๆ เอาไว้ให้ไปชื่นชม มีอาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนเอาไว้ให้ผู้มาเยือนได้ลิ้มลอง
สปลิทจะทำให้คุณนั่งจิบทะเลอะเดรียติคได้ทั้งวันอย่างไม่รู้จักอิ่ม บริโภควิวแทนข้าวปลาอาหารได้สบายๆ เมืองตากอากาศแห่งนี้ ไม่ได้มีไว้ให้นั่งชิลล์กับบรรยากาศริมทะเลอย่างเดียว แต่ยังเป็นเมืองประวัติศาสตร์ ที่มีมรดกตกทอดจากยุคโรมันทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าด้วย
โครเอเชียไม่ได้มีแค่อุทยานแห่งชาติและน้ำตกเท่านั้น แต่ยังมีเมืองเก่าเมืองริมทะเลให้เดินสายเที่ยวอีกไม่ใช่น้อย นักล่าแผ่นดินน่าเที่ยวอย่างฉัน ตระหนักดีว่า เที่ยวเดียวจึงไม่เคยพอแน่นอนสำหรับโครเอเชีย
– จากกรุงเทพไปโครเอเชีย มีเที่ยวบินไปตั้งหลักที่ซาเกร็บทุกวัน คลิกไปดูที่ www.turkishairlines.com
– แถวพลิตวิเซมีบ้านพักนอกอุทยาน แต่แนะนำว่าไปพักที่โทรเกียร์หรือสปลิทดีกว่า
– โทรเกียร์ห่างจากสนามบินสปลิทแค่ 10 นาทีเท่านั้น หรือถ้าจะมาจากเมืองสปลิทก็ใช้เวลาประมาณ 30 นาที มีรถวิ่งไปกลับทั้งวัน หรือถ้ามาจากซาเกร็บก็มีรถบัสวิ่งทุกวัน หรือหากจะเดินทางโดยรถไฟถึงสปลิท แล้วต่อรถบัสมาโทรเกียร์