The 10 best spot to see Mt.Fuji – 10 จุดชมภูเขาไฟฟูจิ

ภาพของภูเขาไฟที่มียอดปกคลุมด้วยหิมะสีขาว หนึ่งในสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่น ด้วยความสูงมากถึง 3,776 เมตร ทำให้กลายเป็นภูเขาไฟที่มีความสูงอันดับหนึ่งของญี่ปุ่นในแต่ละปีมีผู้คนเดินทางไปเยี่ยมชมนับล้านคนและปีนขึ้นไปบนภูเขากว่า 300,000 คนในฤดูร้อน แต่สำหรับคนที่ต้องการปีนเขา ก็ยังสามารถชมความสวยงามของภูเขาไฟฟูจิได้จากหลากหลายพื้นที่ ส่วนจะมีจุดไหนกันบ้าง เราขอแนะนำสัก 10 จุด

เจดีย์ชูเรโตะ (Chureito Pagoda)

ถ้าคุณพิมพ์คำว่า Japan ในเว็บค้นหา (รูปภาพ) แล้วละก็ ภาพของเจดีย์ชูเรโตะ(Chureito Pagoda) เจดีย์ห้าชั้นบนเนินเขาที่สามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิในระยะไกล ก็จะขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆ เลยทีเดียว สำหรับเจดีย์แห่งนี้ ตั้งอยู่บนศาลเจ้าอาราคุระเซนเกน (Arakura Sengen Shrine) เมืองฟูจิโยชิดะ (Fujiyoshida) จ.ยามานาชิ (Yamanashi) สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสาวรีย์วีรชน ระลึกถึงสันตภิ าพปี 1963 ซึ่งจากตัวอาคารหลักของศาลเจ้าต้องขึ้นบันไดไปเกือบ 400 ขั้น ตั้งอยู่ในตอนกลางระหว่างภูเขาอาราคุระยามะ (Arakurayama)บริเวณโดยรอบคือสวนอาราคุระยามะเซนเกน (Arakurayama Sengen Park)

ความสวยงามของบรรยากาศรอบๆ เจดีย์ก็จะเปลี่ยนไปตามฤดูทั้งสี่ของญี่ปุ่น โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ดอกซากุระบาน ปลายมีนาคม-ต้นเมษายน และฤดูใบไม้ร่วงที่ใบไม้เปลี่ยนเป็นสีแดง ปลายตุลาคม-พฤศจิกายน แม้แต่ตอนหน้าร้อนที่ต้นไม้สีเขียวปกติ ท้องฟ้าจะเปิดและโอกาสที่ฝนตกจะมีน้อย ทำให้เห็นภูเขาไฟฟูจิได้อย่างชัดเจน

แต่ไม่แนะนำให้ไปกับผู้สูงอายุที่ไม่แข็งแรง เนื่องจากการเดินทางค่อนข้างลำบาก และจำเป็นต้องเดินขึ้นเนินเขาและขั้นบันไดเกือบ 400 ขั้น แม้จะเรียกแท็กซี่ก็ไม่สามารถส่งถึงจุดหมายยอดฮิตดังในรูปถ่ายได้

การเดินทาง
จาก Otsuki Station (35 นาที 960 เยน) และKawaguchiko Station (10 นาที 300 เยน) นั่งรถไฟ Fujikyu Railway Line ไปลงที่ Shimo-Yoshida Station แล้วเดินต่ออีก 10 นาที เจดีย์ตั้งอยู่บนเนินเขาซึ่งต้องเดินขึ้นไปอีกประมาณ 5 นาที

หมู่บ้านน้ำศักดิ์สิทธิ์ โอชิโนะ ฮักไก (Oshino Hakkai)

หมู่บ้านโอชิโนะฮักไก (Oshino Hakkai) หรือหมู่บ้านน้ำใส เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวที่เราจะมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้จากที่นี่ ตั้งอย่รู ะหวา่ งทะเลสาบคาวากูจิโกะ (Lake Kawaguchiko) กับทะเลสาบยามานาคาโกะ (Lake Yamanakako) ซึ่งเป็นพื้นที่เก่าของทะเลสาบแห่งที่ 6 ที่แห้งขอดไปเมื่อ200-300 ปีที่ผ่านมา จุดเด่นของหมู่บ้านคือ บ่อน้ำทั้ง 8 บ่อภายในหมู่บ้าน (บ่อเดะงุจิ, บ่อโอคามะ, บ่อโซโคะนาชิ, บ่อโจชิ, บ่อวาคุ, บ่อนิโกริ, บ่อคางามิ และบ่อโชบุ) ซึ่งเป็นน้ำที่เกิดจากการละลายของหิมะบนภูเขาไฟฟูจิในช่วงฤดูร้อน และไหลผ่านหินลาวาที่มีรูพรุนอายุกว่า 80 ปี รวมกับแร่ธาตุต่างๆ จนทำให้น้ำในบ่อที่เราเห็นนี้มีความใสสะอาดเป็นพิเศษ นอกจากนั้น อีกด้านหนึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ฮันโนกิบายาชิชิเรียวกัง (Hannoki Bayashi Shiryokan) เป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งขนาดเล็ก ที่จัดแสดงเครื่องมือ ของใช้ และมีร้านค้า ร้านจำหน่ายของที่ระลึก พร้อมทั้งผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นอื่นๆ สำหรับวันไหนที่ท้องฟ้าแจ่มใส จากที่หมู่บ้านเราจะมองเห็นภูเขาไฟฟูจิเป็นฉากหลังอย่างสวยงาม มีค่าเข้าชม 300 เยน เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 09.00-17.00 น.

การเดินทาง
• จาก Kawaguchiko Station และ Gotemba Station นั่งรถบัส ใช้เวลา 1 ชั่วโมง จาก Kawaguchiko Station และ Gotemba Station นั่งรถบัส ใช้เวลา 1 ชั่วโมง
• จาก Fujisan Station นั่งรถบัส (เส้นทางไปยัง Uchino, Hirano และ Fujikko) ไปลงที่ Oshino Hakkai bus stop บัสออกชั่วโมงละ 1-2 รอบ นอกจากนี้รถบัสบางคันจะจอดที่ Oshino Hakkai Iriguchi bus stop ซึ่งไกลกว่า

ทะเลสาบทะนุกิ (Lake Tanuki)

ทะเลสาบทะนุกิ ตั้งอยู่ในที่ราบสูงอาซากิริ เมืองฟูจิโนมิยะ จังหวัดชิซุโอะกะเป็นจุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิที่ขึ้นชื่อและสวยงามไม่แพ้ทะเลสาบทั้ง 5 แห่ง แม้ว่าทะเลสาบแห่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่เกิดจากการขุดเพื่อขยายขนาดของบึงเล็กๆ ที่เคยมีมาก่อน เพื่อแก้ปัญหาเรื่องการขาดแคลนน้ำสำหรับการอุปโภคบริโภคและการทำการเกษตรในอดีต ภายหลังเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่จนกลายเป็นทะเลสาบทะนุกิในปัจจุบัน แต่ด้วยความที่ทะเลสาบนน้ำนิ่งสงบดั่งพื้นผิวกระจกทำให้ในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสคุณจะมองเห็นภาพสะท้อนภูเขาไฟฟูจิบนพื้นน้ำ เป็นภาพที่หาชมได้ยาก หากเดินทางไปช่วงใบไม้ผลิก็จะเห็นภูเขาไฟฟูจิพร้อมกับซากุระที่บานสะพรั่ง หากไปในช่วงฤดูหนาวก็จะมีความขาวโพลนเต็มไปด้วยหิมะอีกด้วย

การเดินทาง
จากสถานี JR Shizuoka นั่งรถไฟไปลงสถานี Fujinomiya แล้วนั่งรถบัส Fuji Kyoko ไปลงป้าย Tanuki-ko

ทะเลสาบคาวากูจิโกะ (Lake Kawaguchiko)

ทะเลสาบคาวากูจิโกะ ใหญ่เป็นอันดับสองในบรรดาทะเลสาบทั้ง 5 ที่อยู่รอบภูเขาไฟฟูจิ นับเป็นจุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเลยก็ว่าได้เนื่องจากสะดวกในการเดินทางเข้าถึงได้ง่ายที่สุดในบรรดา 5 ทะเลสาบการเชื่อมต่อจากโตเกียวด้วยรถไฟและรถบัส พื้นที่บริเวณชายฝั่งทิศตะวันออกของทะเลสาบ มีทั้งโรงแรม เรียวคัง ร้านอาหาร พิพิธภัณฑ์

นอกจากนี้ บริเวณโดยรอบทะเลสาบสามารถนั่งรถบัสRetro bus หรือปั่นจักรยานเก็บภาพบรรยากาศ เพื่อที่จะชมวิวตามจุดสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ได้โดยรอบโดยเฉพาะทางทิศเหนือของทะเลสาบในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ดอกซากุระจำนวนมากเบ่งบานประมาณกลางเดือนเมษายน เป็นจุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิที่ดีมาก แนะนำให้ไปพิพิธภัณฑ์คาวากูจิโกะมิวสิกฟอเรสต์ (Kawaguchiko Music Forest) ฤดูใบไม้ร่วงประมาณครึ่งเดือนแรกของเดือนพฤศจิกายนใบไม้เปลี่ยนเป็นสีแดง ส้ม และเหลืองสลับกันก็สวยงามไม่แพ้กัน เวลาที่เหมาะสมที่สุดคือช่วงเช้าของทุกๆ วัน (ก่อน 9 โมงเช้า) และช่วงบ่ายเย็นๆ

การเดินทาง
นั่งรถไฟสาย Azusa แล้วมาเปลี่ยนสายที่สถานี Otsuki เพื่อไปนั่งสาย Fujikyu Railway มาลงที่สถานี Kawaguchiko ต่อรถบัสรอบเมืองคาวากูจิโกะ (สายสีแดง) มาลงที่ป้ายพิพิธภัณฑ์ศิลปะคาวากูจิโกะ

ทุ่งดอกชิบะซากุระ (Fuji Shibazakura)

ดอกชิบะซากุระหรือพิงก์มอส (Pink Moss) เป็นดอกไม้ที่มีความสวยงาม มีรูปร่างหน้าตา และชื่อคล้ายกับดอกซากุระ แต่ไม่ใช่ตัวเดียวกัน คำว่า “ชิบะ” แปลว่าพื้นดินส่วนคำว่า “ซากุระ” ก็มาจากกลีบของดอกที่คล้ายกับซากุระ ดอกไม้นี้จะเป็นพืชตระกูลมอสที่ขึ้นอยู่ตามพื้นดิน

สำหรับจุดที่นิยมไปชมดอกชิบะซากุระ คือบริเวณทุ่งดอกชิบะซากุระ ที่ตั้งอยู่ห่างจากทะเลสาบโมโตสุโกะ (Lake Motosuko) จังหวัดยามานาชิ ไปทางทิศใต้ 3 กิโลเมตร ที่นี่มีทุ่งดอกชิบะซากุระที่ผลิบานพร้อมๆ กันกว่า 800,000 ต้นบานสะพรั่งทั่วเนินเขา เปลี่ยนผืนหญ้าสีเขียวให้กลายเป็นสีชมพู ขาว และม่วง แผ่กระจายครอบคลุมพื้นที่ 22,000 ตารางเมตร และที่พิเศษคือ มีฉากเบื้องหลังเป็นภูเขาไฟฟูจิในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ประมาณเดือนเมษายน – พฤษภาคมของทุกปี จะมีงานเทศกาลชมชิบะซากุระ (Shibazakura Festival) ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 600 เยน, เด็ก 250 เยน

การเดินทาง
• จากสถานี Kawaguchiko มีรถบริการรับส่งเรียกว่า Shibazakura Liner เดินทางตรงไปยังบริเวณจัดเทศกาล (35 นาที ค่าโดยสารไป-กลับและตั๋วเข้าชม รวม 1,900 เยน บัสออกชั่วโมงละ 1-2 รอบ)
• ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดแห่งชาติ จะมีรถให้บริการจาก Shin-Fuji Station (80 นาที ออกจาก Shin-Fuji 10.45 น.และขากลับเวลา 13.30/15.30 น.) ค่าใช้จ่าย 2,320 เยน รวมค่ารถไป-กลับ และค่าเข้าชม

แม่น ้ำอุรุอิ (Urui River)

ริมตลิ่งเลียบฝั่งแม่น้ำอุรุอิ (Urui River) จังหวัดชิซุโอะกะ (shizuoka) แม่น้ำที่ไหลผ่านจากเชิงเขาฟูจิทางตะวันตกเฉียงใต้ และไหลลงมหาสมุทรแปซิฟิก เป็นอีกหนึ่งจุดที่เป็นที่นิยมในการชมวิวภูเขาไฟฟูจิ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงต้นเมษายน ภาพของทิวซากุระเลียบสายน้ำ พร้อมทั้งดอกไม้สีเหลืองบานสะพรั่ง ภูเขาไฟฟูจิที่เป็นฉากหลังเป็นภาพที่สวยงาม และน่าประทับใจ จุดถ่ายรูปจะอยู่สะพานเล็กๆ ที่ชื่อว่า Ryuganbuchi Bridge เป็นสะพานข้ามแม่น้ำอุรุอิ ในเมืองที่ชื่อว่า Fuji ออกจากนอกเมืองฟุจิโนะมิยะ (Fujinomiya) ไปแค่ประมาณ 15-20 นาที บริเวณโดยรอบจะเป็นที่อยู่อาศัย โรงงานต่างๆ ฝั่งหนึ่งของแม่น้ำ จะเป็นแนวต้นซากุระที่โน้มลงมา และอีกฝั่งเป็นตลิ่งเล็กๆ ที่เราสามารถเดินลงไปที่แม่น้ำ แนะนำว่าให้มาช่วงก่อนเที่ยง ภาพจะไม่ย้อนแสง

การเดินทาง
รถไฟ JR Minobu Line ลงที่สถานี Iriyamase Station แล้วเดินไปทางแม่น้ำ ประมาณ 10-15 นาที

ทะเลสาบอะชิ (Lake Ashi)

ทะเลสาบอะชิ หรือในชื่อเรียกอื่นๆ เช่น ทะเลสาบฮาโกเน่ (Hakone Lake) ทะเลสาบอะชิโนะโกะ (Ashinoko Lake) ตั้งอยู่ที่ เมืองฮาโกเนะ (Hakone) จังหวัดคานางาวะ (Kanagawa) เป็นทะเลสาบสวยงามที่สุดในญี่ปุ่น เชื่อกันว่าเกิดขึ้นจากการปะทุของภูเขาไฟเมื่อประมาณ 3,100 ปีก่อน ปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวในฮาโกเนะ ดังนั้นจึงมีโรงแรม เรียวกัง และสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงมากมาย ที่สำคัญ สามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้อย่างชัดเจนในช่วงฤดูหนาว หรือช่วงเช้ากับใกล้ค่ำของแต่ละวัน ไม่เพียงแค่เราจะสามารถชมวิวทะเลสาบริมฝั่งได้เท่านั้น เรายังจะสามารถชื่นชมทิวทัศน์อันงดงามของทะเลสาบและภูเขาไฟฟูจิได้โดยการล่องเรือ 2 แบบ คือ Hakone Sightseeing Boats และ Izuhakone Sightseeing Boats ซึ่งจะออกจากท่าเรือทิศใต้ ท่าเรือโมโตะฮาโกเนะ (MotoHakone) และ Haknone-machi แล้วไปลงที่ท่าเรือทิศเหนือ Togendai และ Kojiri ใช้เวลา 30 นาที ค่าใช้จ่ายประมาณ 1,000 เยน (Hakone Sightseeing Boats สามารถใช้ตั๋ว Hakone Free Pass ได้)

การเดินทาง
จากสถานี Hakone Yumoto ของรถไฟฮาโกเนะโทะซัง ขึ้นรถบัสฮาโกเนะโทะซังสายไป Motohakone/Hakone-machi ลงที่ป้ายสุดท้าย ใช้เวลาเดินทาง 40 นาที

สะพานแขวนมิชิมะ(Mishima Sky Walk)

มิชิมะสกายวอล์ก ตั้งอยู่ที่เมืองมิชิมะ(Mishima) จังหวัดชิซุโอกะ (Shizuoka) เป็นสะพานแขวนยาวที่สุดในญี่ปุ่น คือมีความยาวถึง 400 เมตร ตัวสะพานทอดข้ามหุบเขาสูงจากพื้นดิน 70.6 เมตร และเป็นหนึ่งในจุดชมภูเขาไฟฟูจิที่สวยงามไม่แพ้ที่ไหน ช่วงเวลาแนะนำคือช่วงเช้าและช่วงเย็น ช่วง 9 โมงเช้าที่อุณหภูมิต่ำจะเห็นวิวภูเขาไฟฟูจิและทะเล (อ่าวซุรุงะ / Suruga Bay) ได้สวยงามกว่าช่วงเวลาอื่นๆ ส่วนระหว่างเดือนตุลาคม – เดือนกุมภาพันธ์ เราสามารถเพลิดเพลินกับพระอาทิตย์ยามเย็นอันงดงามได้ ที่พิเศษ คือ สะพานถูกออกแบบให้กว้างกว่าสะพานปกติเพื่อผู้ใช้รถเข็นสามารถมาชมวิว 360 องศาอีกทั้งยังสวนทางกันได้ไม่ต้องกังวลว่าจะขวางทางผู้อื่น

นอกจากนี้ก็ยังสามารถสัมผัสกิจกรรมอันน่าตื่นเต้นเร้าใจได้ที่สวนป่าผจญภัยฮาโกเนะ (Forest Adventure Hakone) กิจกรรมโหนสลิงหนึ่งในนั้นเป็นกิจกรรมมอบประสบการณ์โหนตัวลงมากลางอากาศแสนสดชื่นพลางชมวิวภูเขาไฟฟูจิจากความสูง 70 เมตร ระยะทางยาว 300 เมตร (ไม่จ􀄞ำเป็นต้องจองล่วงหน้า)แถมที่นี่ยังมีคาเฟ่และร้านอาหารให้บริการ

การเดินทาง
• จากสถานีเจอาร์ มิชิมะ (JR Mishima) ทางออกทิศใต้ ป้ายรถบัสหมายเลข 5 นั่งรถ Tokai Bus Orange Shuttle (สาย N) ที่มุ่งหน้าไปยัง “โมโตะฮาโกเนะโค (Motohakone-ko)” มาลงป้าย “มิชิมะสกายวอล์ก (Mishima Skywalk)” (ประมาณ20 นาที)
• จาก “สถานีฮาโกเนะยุโมโตะ (Hakone-Yumoto :OH51)” นั่งรถประจำทางสายฮาโกเนะโทะซัง (สาย H) ที่มุ่งหน้าไปยัง “ฮาโกเนะมาจิโค (Hakonemachiko)” มาลงป้าย “โมโตะฮาโกเนะโค (Motohakoneko)”(ประมาณ 35 นาที) แล้วนั่งรถ Tokai BusOrange Shuttle (สาย N) ที่มุ่งหน้าไปยัง “สถานีมิชิมะ (Mishima)” มาลงป้าย “มิชิมะ สกายวอล์ก (Mishima Skywalk)” (ประมาณ 20 นาที)

สถานีคาวากูจิโกะ (Kawaguchiko Station)

สถานีคาวากูจิโกะ (Kawaguchiko Station) เป็นสถานีปลายทางของรถไฟสายฟูจิคิวโก (Fujikyuko Line) ในจังหวัดยามานาชิ (Yamanashi) เรียกได้ว่าเป็นศูนย์กลางของการเดินทางเพื่อมาเที่ยวฟูจิก็ว่าได้ เพราะไม่ว่าจะขึ้นบัส หรือรถไฟมาจะต้องมาลงที่นี่ เพื่อเดินทางต่อไปยังสถานที่ท่องเที่ยว เช่น ทะเลสาบคาวากูจิโกะ, กระเช้าลอยฟ้าภูเขาคาชิคาชิ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีรถเมล์วิ่งรอบทะเลสาบด้วยระยะทาง 6.6 กิโลเมตรให้บริการที่สถานีแห่งนี้ด้วยตรงด้านหน้าของสถานีรถไฟ เดินออกมา จากจุดนี้ หันหลังกลับไป เราจะได้เจอกับวิวอลังการของภูเขาไฟฟูจิแล้ว

การเดินทาง
• จาก Kawaguchiko Station โดยสารรถบัสใช้เวลา 50 นาที ช่วงเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม
ให้บริการรถบัส 11-16 รอบ (รถบัสบางส่วนออกจากสถานี Fujisan Station) ช่วงกลางเดือนมีนาคม-ต้นเดือนธันวาคม และวันหยุดปีใหม่ ให้บริการรถบัส 5 รอบ(ไม่มีการสำรองที่นั่งล่วงหน้า)
• จาก Shinjuku Station โดยสารรถบัส
• จาก Keio Highway Bus Terminal ที่สถานีชินจูกุในกรุงโตเกียว ให้บริการรถบัสเป็นประจำทุกวันในช่วงgolden week, เดือนกรกฎาคม เดือนสิงหาคมเดือนกันยายน และวันหยุดสุดสัปดาห์ในช่วงปลายเดือนเมษายน-ต้นเดือนพฤศจิกายน ใช้เวลา 140 นาที ต้องสำรองที่นั่งล่วงหน้า

บนอาคารสูงในเมืองโตเกียว

ถึงแม้ว่าภูเขาไฟฟูจิจะกินพื้นที่อยู่ระหว่างจังหวัดชิซุโอกะ (Shizuoka) และจังหวัดยามานาชิ (Yamanashi) แต่ก็สามารถมองเห็นได้จากโตเกียวด้วยเช่นกัน โดยมีตึกสูงระฟ้าที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปชมวิวมุมสูงได้อยู่หลายอาคาร เช่น ตึก Tokyo Metropolitan Government Buildingของรัฐบาลตั้งอยู่ที่ชินจูกุ (Shinjuku) ที่เปิดให้ขึ้นไปชมวิวที่ชั้น 45 (observation decks) โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ในวันที่อากาศดี ท้องฟ้าไร้เมฆ เราสามารถมองเห็นยอดภูเขาไฟฟูจิที่อยู่ห่างออกไปประมาณ100 กิโลเมตร และยังสามารถมองเห็น Landmark ที่สำคัญในโตเกียวหลายแห่งเช่น Tokyo Skytree,Tokyo Tower, Tokyo Dome ฯลฯ หรือที่ศูนย์วัฒนธรรมสูง 17 ชั้นบริเวณใกล้รถไฟ JR สถานี “โอจิ” ก็สามารถรับประทานอาหารในร้านพร้อมกับเพลิดเพลินวิวทิวทัศน์ของภูเขาไฟฟูจิได้

ช่วงเวลาที่คาดว่าจะเห็นวิวฟูจิ ถ้าเป็นจุดชมวิวที่อยู่ใกล้ภูเขา ช่วงเช้าตรู่หรือช่วงบ่าย ถ้าเป็นจุดชมวิวที่อยู่ไกลจากภูเขาช่วงฤดูหนาวในวันที่ปลอดโปร่งเป็นเวลาที่ดีที่สุด และภูเขาไฟฟูจิจะมีเมฆบดบัง

ในช่วงฤดูฝนตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายนจนถึงกลางเดือนกรกฎาคม ส่วนปรากฏการณ์ไดมอนด์ฟูจิซึ่งเป็นจังหวะที่พระอาทิตย์ขึ้นหรือพระอาทิตย์ตกไปซ้อนทับกับยอดภูเขานั้นจะเกิดขึ้นในปลายเดือนมกราคมและกลางเดือนพฤศจิกายน

Share This Post:Share on Facebook0Share on Google+0Tweet about this on TwitterShare on LinkedIn0