Naturopathy Travel -ภูมิภาคคันไซเฮียวโงะ-เกียวโต-ชิงะ
Story & Photo by Orawan
รถบัสคันย่อมกำลังไต่ระดับความสูงไปเรื่อยๆ เข้าสู่อ้อมกอดของขุนเขารคโค เมืองโคเบะหรือโกเบ จังหวัดเฮียวโงะ ฉันเริ่มเห็นเกล็ดสีขาวของหิมะปกคลุมอยู่เป็นระยะและเริ่มกระจายเกือบทั่วทั้งพื้นที่ เสียงน้องๆ ที่ร่วมทางส่งเสียงตื่นเต้นพร้อมๆ กับหัวใจฉันที่เต้นระรัว ไม่แน่ใจว่าภาพปลายทางจะเป็นเช่นไร แต่เชื่อว่าธรรมชาติของภูมิภาคคันไซใน 3 จังหวัดทั้งเฮียวโงะ (Hyogo) เกียวโต (Kyoto) และชิงะ (Shiga) จะทำให้ฉันไม่ผิดหวังแน่นอน
ถอยไปกว่า 5-6 ชั่วโมงที่ผ่านมาเครื่องบินโบอิ้ง 777-200 ของสายการบิน นกสกู๊ต พาฉันออกจากกรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมรสู่โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่นด้วยความสะดวกสบายและบริการที่ประทับใจ เครื่องบินลำนี้สามารถรองรับผู้โดยสารได้มากถึง 415 ที่นั่ง แบ่งเป็น ชั้นธุรกิจ (ScootBiz) 24 ที่นั่ง และชั้นประหยัด (Economy) 391 ที่นั่ง โดยส่วนของชั้นธุรกิจนั้นมีที่นั่งกว้างขวาง รวมถึงปลั๊กไฟที่ให้คุณสามารถชาร์จความบันเทิงได้ตลอดเที่ยวบิน เผลอแป๊บเดียวคุณก็เดินทางมาถึงท่าอากาศยานนานาชาติคันไซเป็นที่เรียบร้อย
โกเบ (Kobe) กับช่วงเวลามหัศจรรย์
ตัดภาพกลับเข้ามาในรถบัส หลังจากไต่ภูเขารคโคมาได้สักพัก รถก็หยุดที่หน้าบ้านไม้หลังใหญ่หลังหนึ่งลักษณะคล้ายกันกับบ้านในแถบยุโรป ที่นี่คือพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีรคโค (Rokko International Musical Box Museum) ที่เปิดมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1994
ความพิเศษของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้อยู่ที่เครื่องดนตรีอัตโนมัติที่หายากหลายชิ้น บางชิ้นขนาดใหญ่เต็มห้องเลยทีเดียว
นอกจากกล่องดนตรีที่จัดแสดงและจำหน่ายแล้วสิ่งที่ฉันชอบมากเป็นพิเศษคือ กิจกรรมการทำกล่องดนตรีด้วยตัวเอง
คุณสามารถเลือกเสียงของกล่องดนตรี จากนั้นนำไปประกอบตกแต่งประดับประดาเป็นกล่องดนตรีพิเศษชิ้นเดียวที่ไม่เหมือนใครและนำกลับไปเป็นของฝากได้ในราคาไม่แพง เริ่มต้นที่ 1,600 เยนเท่านั้น
เมื่อพูดถึงเมืองโกเบ สิ่งที่คนมักจะนึกถึงคือเนื้อโกเบ แต่ถ้าคุณมาเยือนที่ภูเขารคโคแห่งนี้ ขอแนะนำให้ลองเมนูเนื้อแกะขึ้นชื่อประจำภูเขารคโค เนื้อแกะย่างที่ร้านอาหาร แถบ Rokko Garden Terrace เนื้อนุ่มอร่อยจนต้องบอกต่อ
ทั้งนี้ยังมีจุดชมวิวที่เรียกว่า Rokko-Shidare Observatory ออกแบบโดย Hiroshi Sambuichi สถาปนิกชื่อดังชาวญี่ปุ่น ที่สามารถมองเห็นเมืองโกเบได้ 360 องศา
ทั้งยังมีการประดับไฟอย่างสวยงามยามค่ำคืน คนที่ชื่นชอบงานสถาปัตยกรรมน่าจะประทับใจที่นี่อย่างแน่นอน แต่ท่านที่ชื่นชอบกิจกรรมแนะนำให้ไปที่ ลานสกีหิมะจำลอง (Rokko Snow Park)
ที่นี่มีกิจกรรมรูปแบบต่างๆ ให้ ได้ลองเล่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการเล่นสกีที่มีการแบ่งระดับความยากง่ายตามความถนัด
มีลานสำหรับเล่นเลื่อนหิมะ (Sledge) และลานปั้นตุ๊กตาหิมะของเด็กๆ มองไปทางใดก็มีแต่เสียงหัวเราะและรอยยิ้ม เรียกได้ว่าเป็นลานแห่งความสุขก็ว่าได้
ส่งท้ายค่ำคืนของโกเบกันที่แหล่งช้อปปิ้งบริเวณใกล้กับท่าเรือโกเบที่เรียกว่าโกเบ ฮาร์เบอร์แลนด์ (Kobe Harborland) ซึ่งมีห้างใหญ่สองแห่งอยู่ใกล้ๆ กันได้แก่ Umie และ Mosaic
ภายในประกอบไปด้วยร้านค้าชื่อดังทั้งแบรนด์เนมและร้านขายสินค้าญี่ปุ่น รวมไปถึงชิงช้าสวรรค์ขนาดย่อมที่จะพาคุณไปชื่นชมเมืองโกเบในมุมสูงได้ นอกจากร้านค้าแล้ว
ร้านขนมที่ขอแนะนำในย่านนี้คือ ชีสเค้กแสนอร่อยของร้าน Kannonya เป็นชีสเค้กแบบร้อนที่ราดหน้า ด้วยบัตเตอร์เค้ก ในวันที่อากาศหนาวเย็นเช่นนี้ ได้รับประทานแล้วรู้สึกอิ่มอุ่นทั้งกายและใจเลยทีเดียว
อีกสถานที่หนึ่งที่จะทำให้รู้สึกอุ่นทั้งกายและใจก็คือ อาริมะออนเซ็น (Arima Hot Spring) แหล่งออนเซ็นขึ้นชื่อของเมืองนี้ อาริมะออนเซ็นเป็นเมืองออนเซ็นที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น ถึงแม้ว่าคุณไม่ได้พักในโรงแรมที่มีออนเซ็น คุณก็สามารถใช้บริการออนเซ็นสาธารณะ หรือนั่งแช่เท้าชิลๆ กับออนเซ็นสุดพิเศษของเมืองได้ ยิ่งมาในช่วงหน้าหนาวเช่นนี้การได้แช่น้ำอุ่นๆ คงทำให้รู้สึกฟินสุดๆ แบบที่วัยรุ่นชอบพูดกันเลยทีเดียว
ประวัติศาสตร์ล้ำค่าที่โตโยโอคะ (Toyooka)
เมืองโตโยโอคะ อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจังหวัดเฮียวโงะ ที่นี่มีเมืองเล็ก ที่น่าสนใจชื่อ เมืองอิซุชิ (Izushi) เก่าแก่มาก สร้างมาตั้งแต่ยุคเอโดะแต่ยังคงความคลาสสิกมาถึงปัจจุบัน ด้านบนของยอดเขาอะริโกะยะมะบริเวณของตัวเมืองจะเห็นซากปราสาทอิซุชิ (Izushi Castle Ruins) ที่สร้างไว้ในปีค.ศ. 1504 เพื่อเป็นหอสังเกตการณ์ข้าศึกในอดีต ต่อมาในปี ค.ศ. 1604 ปราสาทแห่งนี้ได้ถูกทำลายลง เหลือไว้เพียงบางส่วนและซากปรักหักพัง แต่ยังคงซึ่งความสง่างามและมีกลิ่นอายของประวัติศาสตร์อยู่ ใกล้กับปราสาทเราจะเห็นแนวเสาโทริอิสีแดงเรียงรายเป็นอีกหนึ่งจุดที่คนนิยมมาถ่ายรูปกัน
บริเวณตัวเมืองเราจะเห็นบ้านเรือนสมัยโบราณ รวมไปถึงหอนาฬิกาสีดำที่มีมาตั้งแต่อดีตตั้งเด่นเป็นสง่า หอนาฬิกานี้มีชื่อว่า ชินโคะโร (Shinkorou) ที่เป็นเสมือนสัญลักษณ์ของเมือง
ที่พลาดไม่ได้คือการชมโรงละครอิซุชิ เอะอิระกุคัง (Izushi Eirakukan) โรงละครแห่งนี้สร้างตั้งแต่สมัยเมจิ ประมาณปี ค.ศ. 1901 ปัจจุบันยังคงมีการจัดแสดงคาบูกิเคียวเก็น (ละครสุขนาฏกรรมชนิดหนึ่งของญี่ปุ่น) และราคุโกะ (การเล่าเรื่องตลกขบขัน)
ความน่าทึ่งของโรงละครคือ ลักษณะกลไกแบบโบราณภายในโรงละคร แท่นด้านหน้าเวทีที่สามารถหมุนได้โดยแรงคน ซึ่งอยู่ด้านล่างของเวที มาที่นี่แล้วอย่าลืมชิมโซบะ อาหารท้องถิ่นที่แตกต่างจากที่อื่นคือ อิซุชิโซระโซบะ จะแบ่งเสิร์ฟเป็นถ้วยเล็กๆ ให้เราสามารถปรุงรสรับประทานได้ตามใจชอบ
จากเมืองอิซุชิ เราไปต่อกันที่คิโนซากิออนเซ็น (Kinosaki Hot Spring) ความพิเศษของเมืองนี้คือ ที่พักของที่นี่จะมีชุดยูคาตะให้เราได้ใส่เดินชมเมืองและตระเวนแช่ออนเซ็นสาธารณะ 7 แห่ง
ซึ่งมีคุณสมบัติแตกต่างกัน เช่น ออนเซ็นสำหรับขอเรื่องความรัก ขอเรื่องลูก เป็นต้น
ธรรมชาติสวยงาม
อามาโนะ ฮาชิดาเตะ (Amanohashidate) เมืองมิยาซุ (Miyazu) เกียวโต เป็นหนึ่งในสามสถานที่ที่มีวิวทิวทัศน์ทางทะเลสวยงามที่สุดในญี่ปุ่น (สำหรับอีกสองแห่งคือ เกาะมิยาจิม่า เมืองฮิโรชิม่า และอ่าวมัสซูชิม่า เมืองเซนได)
จุดชมวิวที่ว่านี้สามารถมองลงมาจากด้านบนของภูเขามนจุ (Mt. Monju) ลงมายังสันทรายที่ทอดยาวกว่า 3 กิโลเมตรกลางอ่าวมิยาสึ (Miyazu Bay) กิจกรรมที่นิยมทำกันหากขึ้นมาบนจุดชมวิวที่นี่ คือการมองวิวสันทรายโดยมองลอดหว่างขาของตนเอง จะเห็นทัศนียภาพกลับด้าน ราวกับทางเดินที่กำลังทอดขึ้นสู่สรวงสวรรค์
บนภูเขายังเปิดเป็นสวนสนุกขนาดย่อม เรียกว่า อามาโนะ ฮาชิดาเตะ วิวแลนด์(Amanohashidate View Land) อีกด้วย ด้านล่าง ใกล้กับวัดชิอนจิ (Chionji Temple) วัดที่สร้างเพื่อบูชาพระโพธิสัตว์มัญชูศรี (Monju Bosatsu) เทพแห่งสติปัญญา ทำให้ที่นี่มีชื่อเสียงในการขอพรเกี่ยวกับการสอบ ใกล้กันนั้นเป็นสะพานไคเซ็นเคียว
สะพานที่สามารถหมุนได้ 90 องศาให้เรือแล่นผ่านไปได้ เนื่องจากผู้คนในแถบนี้ยังมีการใช้บริการเรืออยู่เป็นอย่างมาก
เช่นเดียวกับที่เมืองอิเนะโนะฟุนายะ (The Funaya of Ine) เดิมที่นี่เป็นหมู่บ้านของชาวประมงที่มีการจับปลาได้กว่า 25% ของปลาทั้งหมดของเกียวโต บ้านเรือนกว่า 230 หลังของที่นี่มีเอกลักษณ์สำคัญคือ มีที่เก็บเรืออยู่ด้านล่าง เราเรียกบ้านลักษณะนี้ว่า ฟุนายะ
ความสุขไม่มีวันหมด
วันสุดท้ายของการเดินทางฉันยังเดินทางอยู่ท่ามกลางธรรมชาติและประวัติศาสตร์ของผู้คนในแถบนี้ วันนี้เรามีโอกาสแวะที่คุโระคาเบะสแควร์ (Kurokabe Square) ซึ่งอยู่ที่เมืองนางาฮามะ (Nagahama) จังหวัดชิงะ (Shiga)
ที่นี่นอกจากจะมีบ้านเรือนโบราณแล้วบ้านหลายหลังยังเปิดเป็นศูนย์การเรียนรู้และการทำกิจกรรมหลายอย่าง เช่นการทำกล่องดนตรี การวาดลวดลายลงบนแก้วแบบเป่าทราย ที่เรียกว่า Sand Blasting มีจุดถ่ายรูปเก๋ๆ เยอะพอๆ กับมีกิจกรรมหลายรูปแบบให้เลือก
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดกับอีกหนึ่งเมืองที่โอมิฮะจิมัง (Omihachiman) อยู่ที่จังหวัดชิงะ เมืองนี้ในอดีตเคยเป็นจุดศูนย์กลางการขนส่งทางน้ำสำหรับผู้คนในย่านเกียวโต
ต่อมาพัฒนาเป็นแหล่งเศรษฐกิจที่รุ่งเรือง จึงไม่แปลกที่เราจะเห็นบ้านเรือนหลายหลังตั้งอยู่ใกล้กับแหล่งน้ำ และหนึ่งกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวนิยมกันคือ การล่องเรือชมทิวทัศน์ทุ่งนา และทุ่งต้นกกที่สวยงามและให้ความรู้สึกสงบ
การเดินทางที่โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ ทำให้รู้สึกได้ถึงความผ่อนคลายอย่างมาก เป็นอีกหนึ่งเส้นทาง ที่น่าเดินทางมาค้นหาเป็นอย่างยิ่ง
ขอขอบคุณ
– องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (JNTO) https://www.jnto.or.th/
– ขอบคุณสายการบินนกสกู๊ต https://www.nokscoot.com