3 วันดีๆ กับ 3 เราที่ 3 เขา : Jungfraujoch, Grindelwald – First, Harder Kulm
Story by นิศารัตน์ & Photo by Jungfrau.ch
มีเวลา 3 วันที่สวิตเซอร์แลนด์ระหว่างรอคุณพ่อประชุมวิชาการ คุณแม่กับลูกสาว ลูกชายวัยรุ่นและใกล้รุ่นเลยคิดหาที่เที่ยวกันสักแห่งในสวิตฯ ลูกชายไม่มีโอกาสได้ออกเสียงใดๆ เมื่อคุณแม่กับลูกสาวพร้อมใจกันลงมติเสียงข้างมาก จะไปเที่ยวยุงเฟราตามรอยละครลิขิตรัก The Crown Princess
ดังนั้น เมื่อเดินทางถึงสนามบินซูริก คุณแม่ซึ่งเป็นนักแบกเป้เที่ยวในสมัยสาวๆ ก็สวมวิญญาณนักเดินทางเก่า พาลูกแยกจากคุณพ่อทันทีเนื่องจากคุณพ่อจะนั่งรถไฟไปเมืองที่จัดประชุมพร้อมคณะโดย 3 คนแม่ลูก ลากกระเป๋าใบย่อมของใครของคนนั้น ไปสถานีรถไฟที่อยู่ติดกับสนามบิน ซื้อตั๋วรถไฟที่เคาน์เตอร์เพื่อไปเมืองอินเทอร์ลาเกนกัน
Interlaken เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ตอนกลางๆ ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ อยู่ตรงกลางระหว่างทะเลสาบ 2 แห่งคือเบรียนซ์ (Brienz) และธูน (Thun) เป็นฮับสำหรับขึ้นไปเที่ยวชมภูเขายุงเฟรายอค กรินเดิลวาลด์เฟียสต์ และฮาร์เดอร์ คูล์ม
ซึ่งทั้ง 3 เขาเป็นสถานที่ถ่ายทำละครที่คุณแม่คุณลูกสาวติดกันหนึบ คุณแม่เลือกพักที่อินเทอร์ลาเกนทั้ง 3 คืนจะได้ไม่ต้องแพ็กกระเป๋าทุกวัน เพราะมีความสะดวกยิ่งกว่ารออยู่ นั่นก็คือบัตรโดยสารรถไฟยุงเฟราแทรเวลพาส (Jungfrau Travel Pass) เพื่อที่จะใช้ขึ้นเขาและเที่ยวหมู่บ้านต่างๆ รอบๆ อินเทอร์ลาเกนแบบไม่มีลิมิต บวกกับการขึ้นลงยอดเขายุงเฟราจากไคลเน่ ไชเดกก์ อีก 1 รอบ
ด้วยการจัดการของบริษัทนำเที่ยวที่คุณแม่ใช้อยู่ประจำ นอกจากตั๋วเครื่องบินแล้วก็ยังได้จัดการเรื่องยุงเฟราแทรเวิลพาสมาจากเมืองไทยล่วงหน้าให้เราด้วย เพียงนำเวาเชอร์มาแสดงที่สถานีรถไฟอินเทอร์ลาเกนโอสต์ (Interlaken Ost) เราก็ได้ตั๋วมาครอบครอง พาสนี้มีให้เลือก 3-8 วัน ซึ่งเราจะใช้แบบ 3 วัน เหมาะกับเวลาของเราพอดี
เมื่อเสร็จธุระเรื่องพาสเรียบร้อยที่สถานีรถไฟอินเทอร์ลาเกนโอสต์แล้ว 3 คนแม่ลูก ก็ลากกระเป๋าเดินไปโรงแรมที่อยู่ไม่ไกล เข้าเช็กอินอาบน้ำให้สดใส แล้วออกมาเที่ยวกันเลย ไม่รออะไร ด้วยยุงเฟราแทรเวิลพาสที่มีอยู่ในมือ วันแรกเราจะไปเที่ยวซอฟต์ๆ กันก่อน โดยหลังจากเดินสำรวจเมืองอินเทอร์ลาเกนจนทั่ว กินอาหาร กินขนม ช้อปปิ้งน้ำและขนมเป็นของสำรองเรียบร้อย
เราก็มุ่งหน้าไปขึ้นรถเคเบิลที่สถานีฮาร์เดอร์แวลเลย์ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานีอินเทอร์ลาเกนโอสต์ ใช้เวลาเพียง 10 นาทีก็ถึงสถานีบนฮาร์เดอร์ คูล์ม ที่เราต้องเดินอีกนิด จึงจะถึง Harder Kulm Panorama Restaurant และจุดชมวิว Two Lakes Bridge ซึ่งเจ้าหญิงอลิซใส่โค้ตสีแดงมายืนหน้าเศร้าอยู่กับผู้พันดวินในละคร
งานนี้แม้ไม่มีใครใส่ชุดแดง แต่ก็ไปยืนถ่ายรูปแบบจัดเต็มกันอยู่นาน เพราะนอกจากวิวทะเลสาบเบรียนซ์และธูนที่มองเห็นทางซ้ายทางขวา มีเมืองอินเทอร์ลาเกนตรงกลางเหนือเมืองยังมียอดเขาไอเกอร์ (Eiger) เมินช์ (Monch) และยุงเฟรา (Jungfrau) เป็นฉากหลังแสนสวยให้เราเห็นตรงหน้า
ลูกสาวที่กำลังชอบถ่ายรูป สนุกสนานมากกับจุดชมวิวตรงนี้ ส่วนลูกชาย (และแม่) เริ่มหิว เลยไปนั่งรับประทานอาหารสวิสในภัตตาคารที่อยู่ในอาคารแบบเก่า
ลูกชายจัดชุดใหญ่ ทั้งไส้กรอก ทั้งสปาเกตตี ตบท้ายด้วยไอศกรีมถ้วยโต แล้วก็ขอไปเดินเล่น ส่วนคุณแม่ก็นั่งรอเวลาให้พระอาทิตย์ใกล้ตกจะได้ถ่ายรูปสวยๆ กันอีกรอบ
เราลงจากฮาร์เดอร์ คูล์มตอนเกือบค่ำ สวนกับคนกลุ่มใหญ่ที่คงขึ้นมารับประทานอาหารค่ำและชมวิวสวยๆ ตอนกลางคืน แต่เราชักเริ่มง่วงเพราะความแตกต่างของเวลาเลยต้องลงมาพักกันก่อน
วันที่ 2 ของเราคือการไปขึ้นกรินเดิลวาลด์-เฟียสต์ (Grindelwald – First) ด้วยบัตรยุงเฟรา แทรเวิลพาสของเรา วันนี้เป็นวันของลูกชาย ด้วยมีเครื่องเล่นน่าสนใจบนภูเขาเฟียสต์หลายอย่างที่หมายมั่นปั้นมือว่าต้องมาเล่นให้ได้ ส่วนลูกสาว (และแม่) ขอไปเห็นทะเลสาบบัคชัลป์เซสถานที่ถ่ายทำฉากสุดสวีตประทับใจในละคร
เราเลยต้องออกเดินทางแต่เช้า จากสถานีอินเทอร์ลาเกนโอสต์ ไปยังสถานีกรินเดิลวาลด์ ลงที่นั่นแล้วเดินผ่านหมู่บ้านกรินเดิลวาลด์ ไปยังสถานีรถกระเช้าขึ้นสู่ภูเขาเฟียสต์ แล้วออกเดินไปบัคชัลป์เซกันเลย ซึ่งต้องใช้เวลาเดินไปชั่วโมงกลับชั่วโมง
ต้องบอกว่า 3 คนแม่ลูกเตรียมตัวกันมาพร้อมมาก ตกลงกันมาอย่างดีว่าจะไม่มีการงอแงกัน ทุกคนใส่รองเท้าเดินไฮกิ้งเดินสบาย แต่งตัวสบายแต่รัดกุม เตรียมหมวก แว่นตากันแดด น้ำคนละขวด แอปเปิลคนละลูกและขนมกรุบกริบใส่แบ็กแพ็กเล็กๆ เดินเร็วๆ ไปไม่อ้อยอิ่ง
ถึงที่ทะเลสาบตะลึงอึ้งกับวิวที่สวยมหัศจรรย์จริงๆ ถ่ายรูปกันจนพอใจ นั่งพักพอหายเหนื่อยแล้วก็ออกเดินกลับกัน ลูกชายเริ่มหิวท้องร้องจึงเดินเร็วมากทำเอาแทบจะต้องวิ่งตามกัน
เฟียสต์เมาเทนเรสตัวรองต์มีระเบียงกว้าง แต่คุณแม่ขอหลบแดดนิดนึง ลูกชายลูกสาวคว้าอาหารบริการตนเองมากินกันอย่างเร็ว เพื่อจะไปเดินเฟียสต์คลิฟฟ์วอล์ก (First Cliff Walk) แล้วก็วิ่งมาขอไปเล่นเฟียสต์ฟลายเออร์ (First Flyer) กับเฟียสต์ไกลเดอร์ (First Glider) บินร่อน ที่ลูกชายโตพอเล่นได้พอดี ส่วนคุณแม่ก็นั่งรอไป
เมื่อลูกสาวลูกชายเล่นกิจกรรมแอดเวนเจอร์บนเฟียสต์เสร็จแล้ว ก็มาขอจะเล่นเมาเทนคาร์ตจากสถานีเชรคเฟลด์ลงไปที่สถานีบอร์ต แล้วเล่นทร็อตติไบก์ต่อลงไปถึงกรินเดิลวาลด์เลยได้ไหม คุณแม่ก็เอ้า ไปก็ไปด้วยกัน ได้สนุกแบบสมัยเด็กๆ ก็ดีเหมือนกัน และเมื่อลงไปถึงหมู่บ้าน กรินเดิลวาลด์ 3 คนแม่ลูกก็หิวแทบจะกินกันเองได้ เลยแวะจัดฟองดูกันไปชุดใหญ่ก่อนนั่งรถไฟกลับอินเทอร์ลาเกน
วันที่ 3 คือวัน “ชุดใหญ่” สำหรับขึ้นยุงเฟรายอค ต้องเตรียมเสื้อหนาว แต่งตัวรัดกุมหน่อยเพราะจะออกไปเล่นหิมะบนยอดเขาที่มีตลอดปี การเดินทางขึ้นยุงเฟรายอค คุณแม่เลือกที่จะขึ้นทางเลาเทอร์บรุนเนน (Lauterbrunnen) ซึ่งมีวิวสวย 2 ข้างตลอดทาง ไปสู่สถานีไคลเน่ไชเดกก์ เพื่อเปลี่ยนรถไฟยุงเฟราขึ้นสู่ยุงเฟรายอคซึ่งมีสถานีรถไฟที่อยู่สูงที่สุดในยุโรป
ยุงเฟรายอคหนาวกว่าด้านล่างหลายองศาฯ เลยทีเดียว เพียงลงจากรถไฟก็ต้องหยิบเสื้อหนาวขึ้นมาใส่ เด็กๆ เรียกร้องออกไปชมวิวธารน้ำแข็งอเล็ทช์และไปเล่นหิมะกันก่อน
วันนี้ฟ้าใสจึงสนุกกันได้อย่างเต็มที่ถ่ายรูปกันไม่ยั้ง แล้วขึ้นไปที่ลานสฟิงซ์ซึ่งเจ้าหญิงอลิซถูกไล่ล่าทำท่าสะบัดเสื้อคลุมเท่มาก คุณแม่พยายามทำท่าเลียนแบบบ้างแต่ไม่สำเร็จ ลูกๆ หัวเราะกันงอหายทีเดียว
หลังอาหารกลางวันแบบบริการตนเองบนยุงเฟรายอค 3 คนแม่ลูกก็ไปชมอัลไพน์เซนเซชั่นซึ่งมีเรื่องราวของการสร้างทางรถไฟขึ้นสู่ยุงเฟรายอค และไม่พลาดไปร้านช็อกโกแลตลินดท์ที่มีช็อกโกแลตให้ดู ให้ชิม และให้ช้อปด้วย
ก่อนจะกลับลงมาจากยุงเฟรายอค เด็กๆ ขอออกไปเล่นหิมะอีกรอบเป็นการส่งท้าย 3 คนแม่ลูกสนุกกันมากจริงๆ
เวลา 3 วันกับบัตรยุงเฟราแทรเวิลพาสที่คุ้มค่า คุ้มเวลาที่สุด ผ่านไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน นี่ยังไม่ได้ไปหมู่บ้าน มูร์เรน ยังไม่ได้ขึ้นชนีเก้ ปลาตเต ที่บัตรนี้สามารถใช้เดินทางไปได้ด้วยโดยไม่ต้องจ่ายเพิ่มเลย “ไว้มาอีกนะครับแม่” ลูกชายพูดขึ้นทันทีที่รถไฟเคลื่อนออกจากอินเทอร์ลาเกนโอสต์ สู่สนามบินซูริก