Awaji island Fun & Flowers
Story & Photo by Orawan
จะมีสักกี่ที่ที่จะมีภาพสวนดอกไม้สีสันสดใสสุดลูกหูลูกตา แล้วมีฉากหลังเป็นท้องทะเลสีครามเชื่อมต่อกับท้องฟ้าที่แสนจะแจ่มใส ที่สำคัญไม่ไกลจากเมืองท่องเที่ยวหลักเลย ระยะห่างแค่ช่วงข้ามสะพานเท่านั้นหรือถ้าวัดด้วยหน่วยวัดของเวลาก็ชั่วโมงนิดๆ สถานที่ที่ฉันกำลังพูดถึงก็คือ เกาะอะวะจิ (Awaji Island) แห่งเมืองโกเบ (Kobe City) จังหวัดเฮียวโงะ (Hyogo Prefecture) นั่นเอง
การเดินทาง ถ้ามาจากโอซาก้าเราสามารถนั่งรถข้ามทะเลแล่นไปบนสะพานอะคะชิไคเคียว (Akashi Kaikyo Bridge) หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “สะพานไข่มุก” ที่ถือได้ว่าเป็นประตูสู่เกาะอะวะจิ จากเดิมที่มีเรือข้ามฟากเพียง 1 ลำที่ข้ามมาสู่เกาะ ทางรัฐจึงมีโครงการสร้างสะพานนี้เพื่อช่วยในการเดินทางที่สะดวกขึ้น ด้วยความยาวกว่า 3,911 เมตร ทำให้สะพานนี้กลายเป็นเส้นทางการคมนาคมทางบกหลักระหว่างโกเบ (Kobe) และเกาะอะวะจิ (Awaji Island) ที่ช่องแคบอะกาชิ (Akashi Strait) เป็นสะพานที่ใช้สำหรับการคมนาคม และเป็นส่วนหนึ่งของทางด่วน Kobe-Awaji-Naruto 1 ใน 3 ทางด่วนที่เชื่อมต่อเกาะฮอนชู (Honshu) กับชิโกกุ (Shikoku) ถือว่าเป็นสะพานแขวนที่สวยมากแห่งหนึ่ง
นอกจากความยาวที่เป็นพิเศษแล้ว สะพานยังถูกสร้าง ด้วยเทคนิคที่คิดค้นขึ้นในญี่ปุ่น ให้มีความแข็งแรงทนทานทั้งลมและแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ได้เป็นอย่างดี ในช่วงกลางคืนจะมีการประดับไฟที่สวยงาม นักท่องเที่ยว (อย่างเรา) สามารถมองเห็นวิวสะพานได้จากหลายจุดเช่นที่ จุดชมวิวไมโกะมารีนโพรเมเนด (Maiko Marine Promenade) เป็นจุดสำหรับชมวิวจากบริเวณโครงสร้างของสะพานที่ความสูง 50 เมตรจากระดับน้ำทะเล
โดยการขึ้นลิฟต์จากฐานสะพานฝั่งโกเบ ซึ่งสามารถมองเห็นโครงสร้างภายในของสะพาน และวิวช่องแคบอะกาชิ (Akashi Strait) กับอ่าวโอซาก้า (Osaka Bay) หรือจะซื้อโปรแกรมทัวร์จะมีไกด์ญี่ปุ่นพาขึ้นไปชมด้านบนของสะพานที่สูงกว่า 300 เมตรก็ย่อมได้ สนนราคาอยู่ที่ 3,000 เยนต่อคน ใช้เวลาประมาณ 2.30 ชั่วโมง
เกาะเอจิมะ (Eshima Island)
หนึ่งในตำนานอันยิ่งใหญ่บนเกาะอะวะจิ คือ เกาะเอจิมะ ที่เล่ากันว่าเป็นเกาะแรกของประเทศญี่ปุ่น เป็นเกาะหินทรายขนาดเล็กอายุมากกว่า 20 ล้านปี อยู่ติดกับท่าเรือของ อิวายะ (Iwaya) ด้านบนสุดของเกาะมีศาลเจ้าตั้งอยู่ กล่าวกันว่าเป็นสถานที่ที่เทพเจ้าอิซะนะงิ หนึ่งในสองเทพเจ้าผู้สร้างเกาะ (อีกหนึ่งคือเทพเจ้าอิซะนะมิ) ใช้ชีวิตอยู่ตลอดชีวิตหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจจากสรวงสวรรค์ ส่วนด้านบนศาลเจ้านั้นไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวปีนขึ้นไป
ที่เกาะแห่งนี้ มีชื่อเสียงในฐานะจุดชมวิวนับตั้งแต่สมัยโบราณและปรากฏในหนังสือ waka (กวีญี่ปุ่นคลาสสิก) หากใครได้มาที่เกาะอะวะจินี้ ควรจะมาเยี่ยมชมความมหัศจรรย์และตำนานแห่งญี่ปุ่นที่เกาะเอชิมะ แห่งนี้ ค่าบริการ 2,000 เยน สำหรับผู้ใหญ่ และ 1,000 เยน สำหรับเด็ก (กรุณาเช็กสภาพอากาศประจำวันก่อนออกเดินทาง)
สวนดอกไม้อะวะจิ ฮะนะซะจิคิ (Awaji Hanasajiki Flower Park)
สวรรค์ของคนรักดอกไม้ ด้วยการจัดดอกไม้หลากชนิด ให้เบ่งบานตามฤดูกาลไปบนพื้นที่ขนาดพื้นที่ 1 แสน 5 หมื่นตารางเมตร เรียกได้ว่า ถ้าคุณมาช่วงไหนก็จะได้เห็นดอกไม้แน่นอน สำหรับที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือทุ่งดอกเรปซีด (Rapeseed) หรือที่มีชื่อเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า นาโนะฮานะ (Nanohana) จะบานในช่วงประมาณเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายนสีเหลืองสดของดอกไม้จะตัดกับสีเขียวของต้นไม้และสีฟ้าของท้องฟ้าและท้องทะเลได้อย่างสวยงาม
หรืออย่างเช่นฤดูร้อน (อย่างที่เรามา) ก็จะเห็นดอกทานตะวัน ทุ่งดอกเวอร์บีน่า (Verbena) ดอกบักวีต (Buckwheat) และดอกคลีโอเม (Cleome) หรือดอกซัลเวีย (Salvia) ในฤดูใบไม้ร่วงและในช่วงฤดูหนาวดอกคอสมอส (Cosmos) สีชมพู ก็จะปกคลุมไปทั่วบริเวณ เป็นต้น
บนพื้นที่กว้างที่อยู่บนความสูงราวๆ 300 เมตร ทำให้สามารถมองเห็นวิวของทะเลได้อย่างสวยงาม นักท่องเที่ยวหรือคนญี่ปุ่นเองมักจะมาที่นี่เพื่อพักผ่อน ถ่ายรูป แม้ในช่วงหน้าร้อน อากาศจะร้อนไปบ้างแต่ตามบริเวณร่มไม้ก็ร่มรื่นและเย็นสบาย
ที่นี่ยังมีร้านขายของที่ระลึก ขายอาหาร ผักและดอกไม้ อย่างช่วงเดือนตุลาคม แนะนำให้ซื้อฟักทองกับหัวหอมของขึ้นชื่อติดไม้ติดมือกลับไปด้วย
สวนดอกไม้เปิดบริการ 09.00 – 17.00 น. และปิดระหว่าง 29 ธันวาคม – 3 มกราคม ไม่เสียค่าใช้จ่ายในการเข้าชม การเดินทาง โดยรถไฟให้ลงรถไฟที่ JR maiko, สถานี Maiko-Koen (Sanyo Electric Railway) แล้วขึ้นรถบัสจาก kaisoku-maiko ลงที่ Higashiura bus terminal จากนั้นต่อแท็กซี่ จะใช้เวลาประมาณ 10 นาที แต่ถ้ามาทางเรือ จากท่าเรือ Akashi ขึ้นเรือเส้นทาง Akashi-Iwaya ลงที่ท่า Iwaya Port แล้วต่อแท็กซี่จากท่าเรือประมาณ 15 นาที
สนุกสุดเหวี่ยงที่ สวนนิชิเก็น โนะ โมริ (Nijigen no Mori)
ถ้าคุณเป็นคนที่ชื่นชอบตัวละครเรื่อง เครยอนชินจัง ผลงานของ อุซุอิ โยชิโตะจะต้องชอบที่สวนสนุก นิชิเก็น โนะ โมริแห่งนี้เป็นแน่ เพราะผสมผสานรูปแบบสองมิติของอนิเมะและมังงะเข้าด้วยกัน
เราสามารถแวะมาพักผ่อนไปกับสวนสาธารณะที่มีรูปปั้นของตัวการ์ตูนเด็กทะเล้นอย่างชินจัง พร้อมผองเพื่อนหรือจะเป็นเครื่องเล่นเครยอน ชินจัง (Crayon Shin-chan Adventure Park) เครื่องเล่นที่สร้างโดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากการ์ตูนชินจังที่เปิดอยู่ใกล้กับบ่อน้ำโชวะภายในสวนสนุก
ไฮไลต์ของเครื่องเล่นนี้คือจะมีสลิงโหน (zip-line) สองจุดที่มีความยาวต่างกันให้เราได้ห้อยโหนข้ามน้ำได้ด้วย
อีกหนึ่งไฮไลต์เด่นโซนที่เรียกว่า Mori no Zone (โซนป่า) ซึ่งมีทางเดินแบบ Night Walk ที่มีระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร
ระหว่างทาง นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสเนื้อเรื่องที่สอดแทรกข้อคิดผ่านนวนิยายเรื่องตำนานแห่งนกฟีนิกซ์ ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งการฟื้นคืนชีพ ต้นแบบจากอนิเมะเรื่อง Hi no Tori (Phoenix) ของนักเขียนชื่อดังโอซามุ เทซุกะ (Osamu Tezuka) ด้วยการนำเสนอ เนื้อเรื่อง และสถานที่ในป่านี้ผ่านการจัดแสดงศิลปะโดยใช้สื่อหลากหลายประเภท ฉายภาพ บนผืนป่าประหนึ่งต้นไม้คือพื้นที่แห่งศิลปะ
นักท่องเที่ยวจะได้เห็นการฉายภาพ 2 มิติประกอบกับเทคโนโลยีแสงสีเสียงสุดอลังการ ที่สวนสนุกนิจิเกน โนะ โมริถือเป็นประสบการณ์แห่งการขยายสัมผัสทั้ง 5 ของผู้ชมอย่างหนึ่ง
เกาะอะวะจิ เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของคนรักดอกไม้ และชื่นชอบกิจกรรมอย่างแท้จริง