Adventure day on The Big Ice – วันผจญภัยบนธารน้ำแข็ง เปอริโต้ โมริโน
Story & Photo by เรื่องเล่าจากกระเป๋าเดินทาง
วันที่ฉันเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติลอส กลาซิอาเรส (Los Glaciares National Park) ประเทศอาร์เจนตินา เป็นอีกวันที่หัวใจพองโต รู้สึกตื่นเต้นเหมือนตอนไปเที่ยวสวนสนุกสมัยเด็กๆ เพราะจะได้ออกไปผจญภัยบนธารน้ำแข็งอันยิ่งใหญ่ อีกหนึ่งไฮไลต์ของการเดินทางในทวีปอเมริกาใต้ครั้งนี้ของฉัน
จุดหมายของทุกคนที่มาที่นี่คือ การได้ชมความยิ่งใหญ่อลังการของธารน้ำแข็งเปอริโต้ โมริโน (Perito Morino Glacier) ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก ความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของธารน้ำแข็งแห่งนี้้ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1981 และเป็นธารน้ำแข็งที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่ง
การชื่นชมธารน้ำแข็งเปอริโต้ โมริโน สามารถทำได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเดินชิลๆ บนระเบียงที่ทางอุทยานฯ จัดไว้ให้ชมวิว การนั่งเรือเข้าไปชมธารน้ำแข็งแบบใกล้ๆ สองวิธีนี้เหมาะกับเด็กและผู้ใหญ่ที่มีข้อจำกัดด้านความแข็งแรงของร่างกาย ส่วนคนที่รักการผจญภัยอาจจะเพิ่มการเดินเขาบนธารน้ำแข็ง (Glacier hike) เข้าไปด้วยก็ได้
ซึ่งการเดินเขาบนธารน้ำแข็งมีให้เลือกตั้งแต่แบบ Mini Trekking ที่ใช้เวลาเดินบนธารน้ำแข็งประมาณหนึ่งชั่วโมง หรือจะเลือกแบบ Big Ice tour ซึ่งโหดขึ้นมาหน่อยใช้เวลาเดินบนธารน้ำแข็งประมาณสามชั่วโมงครึ่ง การเดินแบบ Big Ice เป็นทัวร์สำหรับคนที่มีสภาพร่างกายและสุขภาพแข็งแรง อายุระหว่าง 15 – 50 ปี เท่านั้น
ไหนๆ ก็เดินทางไกลข้ามน้ำข้ามฟ้ามาถึงที่นี่ ฉันจึงเลือก Big Ice tour ซึ่งเป็นทริปแบบเต็มวัน เพื่อที่จะได้รับประสบการณ์ครบเต็มรูปแบบ โดยบริษัทเดียวที่ได้รับสัมปทานให้จัดทัวร์เดินบนธารน้ำแข็งแห่งนี้ คือ Hielo & Aventura โดยทัวร์จะมารับที่โฮสเทลตั้งแต่เช้าตรู่ และใช้เวลาเดินทางจากเมืองเอล กาลาฟาเต้ (El Calafate) มาที่อุทยานฯ ลอสกลาซิอาเรส ใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่าๆ
เมื่อเดินทางมาถึง ทัวร์จะปล่อยให้เรามีเวลาอิสระที่ Glacier Balconies ประมาณหนึ่งชั่วโมง ซึ่งเป็นทางเดินและระเบียงไม้ที่ทางอุทยานฯ จัดไว้ให้นักท่องเที่ยวได้สามารถเดินชมวิวธารน้ำแข็งอย่างใกล้ชิด ภาพเบื้องหน้าคือธารน้ำแข็งอันยิ่งใหญ่เหมือนกำแพงสีฟ้า อยู่ในผืนน้ำของทะเลสาบอาร์เจนติโน (Lake Argentino)
เช้าวันนั้นแดดแรงมากทำให้ถ่ายภาพได้ยากเพราะเป็นเงามืด แต่ฉันก็ไม่ได้เสียใจที่ไม่มีภาพคู่สวยๆ กับกำแพงน้ำแข็งยักษ์ เพราะฉันกำลังจะได้ไปสัมผัสธารน้ำแข็งใกล้ชิดกว่านี้อีก
ไกด์เล่าว่า ย้อนไปหลายพันปีก่อน พื้นที่อุทยานฯ ลอส กลาซิอาเรส แห่งนี้ ถูกปกคลุมด้วยธารน้ำแข็งทั้งหมด แต่ด้วยอุณหภูมิของโลกที่อุ่นขึ้น จึงทำให้ธารน้ำแข็งบางส่วนละลายและเหลือเป็นธารน้ำแข็งเปอริโต้ โมเรโน อย่างที่เห็นในปัจจุบัน ฉันยืนมองและฟังเสียงน้ำแข็งแตกตกกระทบผิวน้ำเสียงดัง และอดคิดไม่ได้ว่า ในขณะที่โลกร้อนขึ้นทุกวัน ธารน้ำแข็งแห่งนี้จะสามารถคงอยู่ได้อีกกี่ปีกันนะ โชคดีจังที่ฉันได้มีโอกาสมาเห็นก่อน
จากนั้นไกด์ก็พาลูกทัวร์กลับขึ้นรถและเดินทางต่อไปยังท่าเรือ เพื่อขึ้นเรือเฟอร์รี่ที่จะพาเราแล่นผ่านธารน้ำแข็งยักษ์ ซึ่งเราจะได้เห็นวิวของกำแพงน้ำแข็งอีกมุมหนึ่ง แสงแดดกระทบบนธารน้ำแข็ง สะท้อนออกมาเป็นสีฟ้าขาว เหมือนสีธงชาติของประเทศอาร์เจนตินา สวยงามไปอีกแบบ นั่งเรือประมาณ 20 นาที
ข้ามมาอีกฝั่งหนึ่งของทะเลสาบที่เรียกว่า La Morena ฝั่งนี้จะเป็นพื้นหินและดินทราย ไกด์ได้อธิบายการเดินเขาบนธารน้ำแข็งแบบคร่าวๆ แล้วให้เวลากับลูกทัวร์ได้เข้าห้องน้ำ ดื่มน้ำ กินขนม และแยกสิ่งของสัมภาระ อะไรที่ไม่จำเป็นและอาจเป็นภาระต่อการเดินเขาก็ให้เก็บไว้ในช่องเก็บของที่มีเจ้าหน้าที่ดูแลอยู่
แล้วก็ถึงเวลาออกกำลังขา ขยับเท้าออกเดินไต่เขาไปเรื่อยๆ เส้นทางไม่โหดร้ายมาก มีวิวสวยๆ ของธรรมชาติและธารน้ำแข็งให้ได้ชมเป็นกำลังใจ ระหว่างเดินได้เห็นนักท่องเที่ยวอีกกลุ่มกำลังเตรียมตัวและเดินเรียงแถวตอนอยู่บนธารน้ำแข็งสีฟ้า ซึ่งกลุ่มนี้จะเป็นแบบ Mini-trekking ที่จะไม่ได้เข้าไปถึงใจกลางธารน้ำแข็ง ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งก็จะมาถึงทางเข้าธารน้ำแข็งอันยิ่งใหญ่
ไกด์จัดแจงอุปกรณ์ที่ใช้ในการเดินบนธารน้ำแข็ง ช่วยเลือกขนาดให้เหมาะกับลูกทัวร์แต่ละคน ได้แก่ crampons* และอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยอื่นๆ ที่นี่ยังเป็นจุดสุดท้ายให้เราได้เข้าเต็นท์ห้องน้ำ หลังจากนี้อีกสามชั่วโมงครึ่งจะไม่มีจุดให้เข้าห้องน้ำอีกแล้ว แล้วไกด์ก็พาเดินลงมาบนธารน้ำแข็งยักษ์ ใส่ crampons ให้กับลูกทัวร์แต่ละคน
จากนั้นก็จะแบ่งลูกทัวร์ออกเป็นกลุ่มย่อย กลุ่มละ 8 คน แต่ละกลุ่มจะมีไกด์สองคนประกบหน้าหลัง หัวหน้าทัวร์ของกลุ่มฉันเริ่มอธิบายวิธีการเดินบนธารน้ำแข็ง นั่นก็คือ ต้องยกเท้าสูงๆ แล้วย่ำลงไปบนน้ำแข็งแรงๆ ไม่ใช่เดินลากเท้าแบบที่เราเดินกันปกติ เพื่อให้ crampons เกาะกับธารน้ำแข็ง ป้องกันการลื่นล้ม เพราะการลื่นล้มบนธารน้ำแข็งนั้นอันตรายมาก ไม่ใช่เพียงความหนาวเย็นเท่านั้น
ธารน้ำแข็งมีพื้นแข็งมากๆ อาจทำให้บาดเจ็บ และที่น่ากลัวที่สุดคือการลื่นตกเขาหรือตามรอยแยกของธารน้ำแข็งที่อันตรายถึงแก่ชีวิตได้ กฎสำคัญในการเดินเขาบนธารน้ำแข็งคือ ต้องเดินเป็นแถวตอนเรียงหนึ่ง ไม่ทิ้งระยะห่างกันมากเกินไป และให้เดินตามรอยของไกด์ด้านหน้า
เพราะประสบการณ์อันน้อยนิด เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่า พื้นน้ำแข็งตรงไหนควรย่ำ ตรงไหนอาจจะถล่มและตกลงไปได้ ไกด์ย้ำเสมอตลอดการเดินทางว่า สนุกได้แต่ความปลอดภัยต้องมาก่อน
ฉันเรียกสิ่งที่ได้เห็นเบื้องหน้าว่า “ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ” ธารน้ำแข็งสุดลูกหูลูกตา รายล้อมด้วยเทือกเขา สีท้องฟ้าเข้มตัดกับสีของธารน้ำแข็ง ยิ่งมองก็ยิ่งสวย ธารน้ำแข็งถูกแสงแดดย้อมเป็นสีฟ้า
ภาพจริงที่ได้เห็นงดงามกว่าภาพถ่ายและโปสการ์ดที่เคยเห็นก่อนหน้านี้ ฉันยิ้มให้กับตัวเอง ยิ้มให้กับวินาทีนั้น ดีใจที่ได้มีโอกาสมายืนอยู่ที่นี่จริงๆ
พวกเราไต่ขึ้นลงภูเขาน้ำแข็งลูกแล้วลูกเล่า จังหวะขยับตัวเริ่มรู้สึกได้ถึงความเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อขา ตรงไหนที่เป็นเนินเดินยากๆ ไกด์จะคอยตะโกนเตือนว่า “Don’t afraid to hit on the ice” ประมาณว่า “อย่าไปกลัว กระแทกน้ำแข็งแรงๆ ไปเลย”
ฉันเดินกระแทกน้ำแข็งจนปวดขาไปหมด ช่วงที่ต้องเดินเลียบไปกับรอยแยกที่เป็นเหวลึกของธารน้ำแข็ง ก็ชวนหวาดเสียวเหมือนกัน ทำเอาขาแทบสั่น
ระหว่างที่เดินอยู่กลางธารน้ำแข็งอันกว้างใหญ่ ไกด์จะคอยชี้ชวนให้ดูและอธิบายให้ความรู้เกี่ยวกับลักษณะต่างๆ ของน้ำแข็ง
ไม่ว่าจะเป็น ถ้ำ รอยแตก รอยแยกต่างๆ ทั้งอัศจรรย์และน่าประหลาดใจกับสิ่งที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้น
โดยเฉพาะ Blue water lagoon ที่เกิดจากการละลายของธารน้ำแข็งจนเป็นแอ่งน้ำ
สีฟ้าของลากูนเหมือนกับสีของน้ำสารเคมีที่เคยเห็นในห้องวิทยาศาสตร์สมัยเรียนมัธยมฯ ไม่น่าเชื่อว่าธรรมชาติจะสร้างสีสันได้สวยงามขนาดนี้
หลังชื่นชมความงดงามและความอัศจรรย์ของธารน้ำแข็งกันจนอิ่มใจ เราก็ได้แวะพักรับประทานอาหารเที่ยงที่เราเตรียมกันมาเอง ที่ตรงกลางธารน้ำแข็ง
นั่นแหละ แม้อาหารที่เตรียมมารสชาติจืดชืด แต่เราก็มีวิวสวยรอบกายเป็นเหมือนผงชูรส เป็นมื้อที่อิ่มวิวจริงๆ เรามีเวลาพักรับประทานอาหารเที่ยงและถ่ายรูป เล่นกันประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงเวลาเดินกลับอีกหนึ่งชั่วโมง
บนเรือขากลับมีการเสิร์ฟวิสกี้พร้อมก้อนน้ำแข็งจากธารน้ำแข็งจริงๆ เป็นการเฉลิมฉลองความสำเร็จในการผจญภัยวันนี้
มาถึงตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมทัวร์นี้ถึงมีราคาค่อนข้างแพง
นอกจากเป็นระบบผูกขาดแล้ว การพานักท่องเที่ยวมาที่นี่ต้องอาศัยไกด์ผู้เชี่ยวชาญ ที่มีทั้งประสบการณ์และความรู้ รวมทั้งอุปกรณ์ต่างๆ ก็ต้องพร้อมเพื่อความปลอดภัย
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกสำหรับ Glacier hike แต่ครั้งนี้เป็นประสบการณ์ที่ฉันประทับใจมากที่สุดแล้ว ได้ผจญภัยแบบครบรสบนธารน้ำแข็งเปอริโต้ โมริโนที่สวยงามและยิ่งใหญ่
ข้อมูลเพิ่มเติม
บริษัท Hielo & Aventura : www.hieloyaventura.com สามารถซื้อทัวร์ได้จากเว็บไซต์ของบริษัทโดยตรง หรือจองกับโฮสเทลหรือเอเจนซี่ในเมืองเอล กาลาฟาเต้ก็ได้