Winter Wonderland in the Jungfrau Region – หนาวนี้ที่สวิตเซอร์แลนด์
Story & Photo by เรื่องเล่าจากกระเป๋าเดินทาง
สวิตเซอร์แลนด์ (Switzerland) ประเทศที่ติดอันดับหนึ่งของโลกด้านการท่องเที่ยว ประเทศในฝันที่ทุกคนปรารถนาที่จะมาเยือนให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต เคยได้ยินหลายคนบอกประเทศนี้เล็กเที่ยวเดี๋ยวเดียวก็หมด แต่ฉันกลับพบว่าประเทศนี้มีขนาดเล็กก็จริง
แต่มีหลายอย่างที่น่าสนใจเกินกว่าจะใช้เวลาเดี๋ยวเดียวได้ ตอนนี้ฉันมาใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองชายแดนเยอรมนี-สวิตเซอร์แลนด์ เป็นเวลา 3 ปีแล้ว มีโอกาสได้ตะลอนเที่ยวไปตามซอกหลืบต่างๆ ที่นอกเหนือไปจากเมืองแนะนำตามแผนที่ท่องเที่ยว แต่ฉันยังรู้สึกว่า สวิตเซอร์แลนด์ยังมีมุมสวยๆ ให้เข้าไปค้นหาและสัมผัสอีกเยอะ
หากถามว่าซอกมุมไหนของสวิตเซอร์แลนด์ที่ฉันหลงรักมากที่สุด ก็คงตอบได้อย่างไม่คิดเยอะเลยว่า คือเมืองรอบๆ ยอดเขายุ้งเฟรา (Jungfrau Region) เพราะดินแดนแถบนี้มีทั้งภูเขาหิมะ ทะเลสาบสวย และเมืองหน้าตาน่ารักเป็นจุดขาย เหตุผลสำคัญอีกอย่างก็คือ เป็นดินแดนที่มาเที่ยวได้ทุกฤดู
สามารถสัมผัสธรรมชาติที่สวยงามแตกต่างกัน ในฤดูร้อน การได้มาล่องเรือชมวิวในทะเลสาบ และกิจกรรมแคมปิ้ง-เดินเขา เป็นกิจกรรมที่ฉันโปรดปราน เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาวภูเขาต่างๆ ที่เต็มไปด้วยทุ่งหญ้าเขียวๆ ต้นสน และฝูงวัว ก็กลายเป็นภูเขาหิมะขาวโพลน เป็นความมหัศจรรย์ของฤดูหนาว (Winter wonderland) ที่งดงามไปอีกแบบ
ยิ่งสูงยิ่งหนาวบนยอดเขา Jungfraujoch – Top of Europe
สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย การได้นั่งรถไฟสายพิเศษ (Jungfrau Bahn) เพื่อไปชมยอดเขายุ้งเฟราย็อค (Jungfraujoch) เป็นไฮไลต์ของการท่องเที่ยวในสวิตเซอร์แลนด์
แต่ถ้าถามคนสวิส 10 คน นอกจากนักปีนเขามืออาชีพแล้วมีไม่กี่คนเท่านั้นที่เคยขึ้นมาเที่ยวบนยอดเขายุ้งเฟรา คนสวิสที่เกิดและเติบโตที่นี่คิดว่ามันแพง พวกเขาจึงเน้นไปเที่ยวเมืองรอบๆ หรือไปเดินเขารอบๆ บริเวณนี้เพื่อชื่นชมยอดเขายุ้งเฟรา ในระยะไกลดีกว่า
ฉันเองก็เช่นกันที่แม้จะใช้ชีวิตอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์มาหลายปีและมาเที่ยวแถบนี้แทบนับครั้งไม่ถ้วน แต่ฉันก็เพิ่งได้ขึ้นไปชมความงดงามด้านบนนั้นเมื่อไม่นานมานี้เอง ในครั้งที่ครอบครัวของฉัน เดินทางมาเยี่ยมจากเมืองไทย ไม่อยากให้พวกเขาพลาดสถานที่อันเป็นที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์
หากคุณเคยเห็นข้อความว่า Jungfraujoch – Top of Europe ไม่ได้หมายความว่ายุ้งเฟราเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในยุโรป แต่หมายถึงเป็นสถานีรถไฟที่สูงที่สุดในยุโรป และเป็นการให้เกียรติความสามารถของมนุษย์ที่คิดค้นจนสามารถพาผู้คนขึ้นมาเที่ยวชมวิวบนยอดเขาที่บนความสูงถึง 3,454 เมตรได้
โดยมีเส้นทางให้เลือกขึ้นได้สองทาง นั่นคือ จากสถานีกรินเดิลวาลด์ (Grindelwald) หรือจากสถานีเลาเทอร์บรุนเน่น (Lauterbrunnen)
ในฤดูร้อนจะมีรถออกทุกๆ ครึ่งชั่วโมง แต่ในฤดูหนาวจะมีรอบน้อยกว่า ทั้งสองเส้นทางจะมาบรรจบกันที่ Kleine Scheidegg เพื่อเปลี่ยนขบวนรถไฟขึ้นไปสถานี Jungfraujoch
ใช้เวลาเดินทางประมาณสองชั่วโมง ทั้งนี้ขากลับควรลงคนละเส้นกับขาขึ้น เช่นถ้าขึ้นทาง Lauterbrunnen ก็ควรลงทาง Grindelwald เพื่อจะได้ชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามแตกต่างกัน
ในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส สามารถมองเห็นยอดเขา Eiger (ความสูง 3,970 ม.) Moench (ความสูง 4,107 ม.) และ Jungfraujoch (ความสูง 4,158 ม.) ตั้งตระหง่านประกาศความงามเรียงลำดับตามความสูงได้อย่างชัดเจน และยังสามารถเห็นตัวอาคารของสถานีวัดสภาพอากาศ และอาคารรองรับนักท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่ระหว่างกลางยอด Moench และยอด Jungfraujoch ที่ความสูง 3,454 ม. ได้อีกด้วย
จากสถานี Kleine Scheidegg ไป Jungfraujoch รถไฟจะวิ่งทะลุภูเขาเข้าไปทำให้มองไม่เห็นวิวด้านนอก แต่มีจุดแวะพักสองจุดเพื่อให้ผู้โดยสารสามารถลงไปชมวิวด้านนอกผ่านทางหน้าต่างกระจกที่ถูกเจาะไว้จุดละ 5 นาที
ซึ่งจะเห็นเมืองที่ผ่านมาทั้งหมด และเห็นยอดเขา Jungfraujoch ในมุมต่างๆ เป็นการชิมลางก่อนขึ้นไปถึงสถานี Jungfraujoch
เมื่อถึงสถานี Jungfraujoch เราจะเข้าสู่อาคารรองรับนักท่องเที่ยวที่มีเครื่องทำความร้อนให้นักท่องเที่ยวสามารถอยู่ได้อย่างสบายไม่ทรมานจากความหนาวเย็นมากเกินไป ช่วงที่ถือว่าเป็น High Season ของที่นี่ คือ ปลายเดือนเมษายน-ตุลาคม
ซึ่งบนนี้ยังมีจุดเที่ยวชมที่น่าสนใจ ได้แก่ Ice Palace ซึ่งเป็นถ้ำน้ำแข็งที่ถูกเจาะจากธารน้ำแข็ง Aletsch Glacier ซึ่งทับถมกันกว่าพันปี
ได้ชื่อว่าเป็นธารน้ำแข็งที่ยาวและใหญ่ที่สุดในยุโรปทั้งยังได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติอีกด้วย
ภายในถ้ำจะทำทางเดินไว้โดยรอบและมีน้ำแข็งสลักเป็นรูปต่างๆ ตั้งอยู่ตามทางเดิน มีห้องจัดแสดงงาน (exhibition) ที่มีการแสดงประวัติการสร้างสถานีรถไฟแห่งนี้และมีโมเดลจำลองรถไฟรุ่นแรกที่ขึ้นมาบนนี้ด้วย
จุดชมวิวยอดนิยมคือ Plateau เพราะสามารถมองเห็นธารน้ำแข็งไกลเป็นกิโลฯ อีกจุดชมวิวที่ไม่ควรพลาดคือ Sphinx Viewpoint ที่ต้องขึ้นลิฟต์สูงไปอีกกว่าร้อยเมตร
ในฤดูร้อนจะเปิดให้เดินชมวิวได้รอบด้าน 360 องศา และในวันที่ฟ้าเปิดจะสามารถเห็นวิวสวยได้ไกลถึงประเทศเยอรมนีและออสเตรียเลย
ใครอยากออกไปลุยหิมะและสัมผัสความเย็นสุดขั้วด้านนอกให้ไปยัง Exit to Glacier เป็นจุดที่เปิดออกไปสู่ธารน้ำแข็ง ซึ่งจะปิดในช่วงที่มีหิมะลงจัด
โดยบนยอด Jungfraujoch นี้จะปกคลุมไปด้วยหิมะตลอดปี แต่ในช่วงฤดูหนาวกิจกรรมหลายๆ อย่างอาจต้องหยุดไป นับว่าวิวภูเขาหิมะที่นี่สวยสุดคุ้มกับการเดินทางไกลและค่าเดินทางสุดโหด
ขอแนะนำว่าให้เช็กสภาพอากาศบนยอดเขาก่อนขึ้นไปจากเว็บไซต์ http://www.jungfrau.com จะได้ไม่พลาดชมความงามของเทือกเขาแอลป์อย่างที่ตั้งใจไว้
เมืองรอบๆ ยอดเขายุ้งเฟรา (The Jungfrau Region)
นอกจากจุดไฮไลต์ Top of Europe แล้ว อยากแนะนำให้ใช้เวลากับเมืองเล็กๆ รอบๆ ยอดเขายุ้งเฟรา เพื่อจะได้สัมผัสความงดงามของดินแดนแถบนี้ได้อย่างทั่วถึง
นักท่องเที่ยวชาวเอเชียส่วนใหญ่มักจะเดินทางแบบเช้า-เย็นกลับจากเมืองใหญ่อย่างเมืองอินเทอลาเคน
แต่ฉันชอบพักที่เมืองเล็กๆ ที่เงียบสงบอย่างเมือง Lauterbrunnen หรือเมือง Grindelwald มากกว่า จะได้สัมผัสกับเสน่ห์แบบสวิสแท้ๆ
หมู่บ้านในหุบเขา Lauterbrunnen มีที่พักน่ารักๆ มีน้ำตกสวยที่ไหลลงมาจากภูเขาให้ได้ชมหลายแห่ง
นอกจากนี้ ยังสามารถเดินทางไปเที่ยวเมืองสวยบนเขาอย่างเมืองเมอเริ่น (Mürren)
ในฤดูร้อนที่นี่จะมีเส้นทางเดินเขาสวยๆ ให้เลือกมากมาย
ส่วนในฤดูหนาวหมู่บ้านเล็กๆ นี้ก็จะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน
ให้บรรยากาศเหมือนเป็นเมืองในเทพนิยาย Winter Wonderland เลยทีเดียว
เหนือขึ้นไปจากหมู่บ้านเมอเริ่นเป็นยอดเขาซิลธอร์น (Schilthorn)
หรือที่นักท่องเที่ยวเรียกกันว่ายอดเขาเจมส์บอนด์ 007 เพราะเคยเป็นสถานที่สำคัญในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้นั่นเอง
ส่วนเมือง Grindelwald นั้นเป็นเมืองที่เห็นยอดเขา Eiger ได้เด่นชัด และเป็นสกีรีสอร์ตที่ได้รับความนิยมในช่วงฤดูหนาว
ขอแนะนำให้นั่งเคเบิลคาร์ขึ้นไปยังยอดเขา First ที่ภาษาเยอรมันอ่านออกเสียงว่า เฟีรย์สต ไม่ใช่ เฟิร์สต
ด้านบนนั้นมีเส้นทางเดินเขาที่เป็นที่โปรดปรานของคนสวิส เพราะสามารถชื่นชมเทือกเขาแอลป์ได้อย่างใกล้ชิดและมีทะเลสาบสวยๆ หลายแห่ง
แม้ในฤดูหนาวจะไม่สามารถเดินเที่ยวได้ไกลนัก แต่การได้ไปเดินชมวิวหุบเขาบน First Cliff Walk ก็ตื่นเต้นไม่น้อยเลยทีเดียว
ในฤดูหนาวช่วงเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ เป็นช่วงที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ชวนหลงใหล อุณหภูมิจะอยู่ที่ -2 ถึง 7 องศาเซลเซียส เหมาะสำหรับคนที่อยากมาเห็นหิมะมาก
เนื่องจากจะมีหิมะสีขาวโพลนปกคลุมไปทุกหนแห่งทั่วทั้งสวิตเซอร์แลนด์ มองไปทางไหนก็เห็นแต่หิมะ สวยไปอีกแบบหนึ่ง อยากให้มาสัมผัสสวิตเซอร์แลนด์ ในรูปแบบใหม่ๆ ดูบ้างประเทศเล็กๆ ที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพชีวิตและเสน่ห์ของธรรมชาติ ทุกซอกมุม ทุกฤดูกาล
ข้อมูลเพิ่มเติมการเดินทางในสวิตเซอร์แลนด์
www.swisstravelsystem.ch และ sbb.ch/en/index/htm และเว็บไซต์สำหรับเช็กสภาพอากาศของแต่ละเมือง คือ
www.meteoschweiz.ch